สมิธฯ เอ็ม 627 วี 8
ลูกโม่คอมแพ็ก .357 ฝีมือเพอฟอร์มานซ์ เซ็นเตอร์

ตำรวจเป็นอาชีพที่น่าสงสาร เพราะอยู่ท่ามกลางภัยอันตรายนานาประการ ไหนจะเป็นภัยอันตราย ที่อาจจะเกิดขึ้นกับสันติราษฎร์ที่ตนเองต้องพิทักษ์สมคำว่า "ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์" ไหนจะเป็นอันตราย ที่อาจจะเกิดขึ้นกับตนเอง เนื่องจากในปัจจุบันไม่ว่าคนร้ายหรือตำรวจต่างมีปืนไว้ในครอบครองเช่นเดียวกัน ฉะนั้นการปฏิบัติการของตำรวจจำเป็นต้องระมัดระวังอย่างขีดสุดทั้งภัยที่จะเกิดขึ้นกับผู้อื่น และต้องระวังตนเองไปในขณะเดียวกันด้วย จึงไม่แปลกใจเลยที่ได้เห็นว่าข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์บ้านเรา จะมีทั้งข่าวคนร้ายถูกวิสามัญฆาตกรรมและข่าวตำรวจถูกยิงเสียชีวิตควบคู่กันไป


สมิธฯ เอ็ม 627 พีซี วี 8 คอมแพ็ก ขนาด .357 แม็กนั่ม พร้อมคอมพ์มีช่องพอร์ท 3 ช่อง

ภาพของบุตร-หลานหรือภรรยาของตำรวจผู้เคราะห์ร้ายที่ร่ำไห้โอบกอดศพ ของตำรวจผู้เป็นที่รักซึ่งลาโลกไปด้วยน้ำมือของคนร้ายเป็นสิ่งที่บั่นทอนความรู้สึกอย่างยิ่ง หลายคนตั้งคำถามในใจว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร และหลายคนพุ่งประเด็น ไปที่อาวุธซึ่งตำรวจใช้ในการปฏิบัติการหรือป้องกันตัว เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบันคนร้ายก้าวล้ำนำหน้าตำรวจไปแล้วในเรื่องปืนผาหน้าไม้

ปืนคู่กายตำรวจที่เห็นอยู่ชินตาก็มักจะเป็นปืนรีวอลเวอร์ของสมิธฯ รุ่นเก่าอย่างโมเดล 10 เอ็มพี ที่เป็นปืนศูนย์ตาย ตัวปืนเหล็กรมดำ บรรจุลูก .38 สเปเชียลได้ 6 นัด ที่แย่กว่านั้นก็คือตำรวจบางนายไม่ใคร่มีเวลา ดูแลเอาใจใส่ปืนของตน บางครั้งเราอาจจะได้เห็นตำรวจพกปืนขึ้นสนิมแดงเถือก ปืนเปิดโม่ไม่ได้เพราะเกิดสนิม กระสุนที่นอนแช่อยู่ในช่องโม่นานร้อยวันพันปี ไม่แน่ใจว่าพอถึงเวลาจะยิงออกหรือไม่


ลำกล้อง 3 นิ้วบวกคอมพ์อีก 7/8 นิ้ว
รวมเป็น 3 7/8 นิ้ว

นกสับแบบเข็มแทงชนวนลอย รับประกันปืนตกไม่ลั่น

มีเหตุการณ์ที่กล่าวถึงความเคราะห์ร้ายของตำรวจ ซึ่งเล่าต่อกันมาปากต่อปากอย่างต่อเนื่องว่า มีตำรวจนายหนึ่ง ขณะออกตรวจในเวลากลางคืนได้พบกับผู้ต้องสงสัย จึงได้แสดงตัวและขอเข้าตรวจค้น ปรากฏว่า ผู้ต้องสงสัยรายนั้นไม่ฟังเสียง ชักปืนออกมาสาดกระสุนเข้าใส่ทันที ด้วยสัญชาตญาณหนีภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจนายนั้นกระโดดหลบหลังที่กำบังและยิงตอบโต้ไปด้วยปืนรีวอลเวอร์ ที่บรรจุ 6 นัดของตนจนหมดโม่ ในขณะที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ของเรากำลังยักแย่ยักยันบรรจุกระสุนลงในโม่เพิ่มเติม เสียงปืนก็ดังขึ้น 1 นัด เป็นเสียงปืนนัดสุดท้ายที่ตำรวจนายนั้นได้ยิน เพราะพอสิ้นเสียงปืน เขาก็ล้มลงขาดใจตาย กระสุนมรณะนัดนั้นเจาะเข้าบริเวณกะโหลก เราได้อะไรๆจากโศกนาฏกรรมเรื่องนี้หลายอย่าง แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือปืนรีวอลเวอร์ธรรมดาๆ ที่บรรจุ 6 นัด เสียเปรียบเพื่อน ในขณะอยู่ในเหตุการณ์การใช้อาวุธที่รุนแรงและยืดเยื้อ

ความพยายามที่จะทำให้ข้อจำกัดของปืนรีวอลเวอร์ที่บรรจุได้ 6 นัดหมดไปโดย เพิ่มจำนวนช่องลงไปในโม่ของปืนรีวอลเวอร์ เริ่มมาเกือบ 10 ปีแล้ว ผู้ผลิตปืนรายใหญ่ๆ ของโลกล้วนเปลี่ยนโฉมปืนจุ 6 นัดของเขาไปเป็นปืนลูกโม่ลูกดกจุ 8 นัดกันทั่วหน้า บ้านเราก็ได้รับอานิสงส์ในเรื่องนี้ด้วย มีปืนหลายยี่ห้อที่เสนอขายปืนบรรจุ 8 นัด หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ สมิธแอนด์เวสสัน ปืนของสมิธฯ มีทั้งปืนจากสายการผลิตธรรมดาและปืนแต่งพิเศษ ฝีมือเพอฟอร์มานซ์ เซ็นเตอร์ หรือพีซี สำหรับปืนแต่งพิเศษของสมิธฯ ที่จุ 8 นัด ชื่อของเอ็ม 627 ปรากฏอยู่แถวหน้า ของปืนแบบนี้อย่างแน่นอน


ฝักหุ้มก้านคัดปลอก ด้านล่างขวาเจาะช่องมองเห็นก้านคัดปลอก

คอมพ์ปากลำกล้องเจาะช่องพอร์ท 3 ช่อง

เอ็ม 627 ฝีมือพีซีเข้ามาในเมืองไทยครั้งแรกในปี พ.ศ.2540 โดยมีคอนเซ็พท์คือ จะเป็นปืนระดับยิงเป้า การซิ่งปืนกระบอกนี้ กระทำในหลายๆจุดคือ ถอดลำกล้องเดิมออก ใส่ลำกล้องของพีซียาว 5 นิ้วเข้าไปแทน เปลี่ยนโม่ 6 นัดออก นำโม่จุ 8 นัดใส่แทน และที่สำคัญเหนืออื่นใดคือการนำระบบเข็มแทงชนวนลอยฝังในโครงปืนมาใช้เป็นครั้งแรก

ในปีต่อมา เอ็ม 627 พีซี ก็เข้ามาอีกรุ่นหนึ่ง คราวนี้เปลี่ยนไปใช้ลำกล้องยาว 6 นิ้ว แบบมีฝักหุ้มก้านคัดปลอกยาวตลอด ทำหน้าที่เป็นเหวทถ่วงน้ำหนัก โดยมีช่องบรรจุ ตุ้มถ่วงน้ำหนักบริเวณฝักหุ้มก้านคัดปลอกนี้ด้วย เจ้าของปืนสามารถเพิ่มหรือลดจำนวนตุ้มถ่วงน้ำหนักได้ ส่วนโม่ยังเป็นแบบจุ 8 นัดเช่นเดิม ที่สำคัญคือปืนกระบอกนี้มีระบบล็อกโม่ด้านหน้าด้วยการฝังปุ่มล็อกโม่ไว้ที่ฝัก หุ้มก้านคัดปลอกและล็อกเข้ากับบานพับโม่

ในปี 42 สมิธฯ ยกพลขึ้นบกด้วย เอ็ม 627 พีซีรุ่นใหม่อีกครั้ง ปืนกระบอก ใหม่นี้มีความแตกต่างจากปืนรุ่นพี่ทั้งสองกระบอกอย่างเรียกง่ายๆว่า คนละเรื่องเลย คอนเซ็พท์ของปืนก็แตกต่างกันไปคือ เอ็ม 627 พีซี ตัวใหม่นี้เกิดจากความตั้งใจจะให้เป็นปืนพกจริงๆ ไม่ใช่เป็นปืนในระดับแข่งขันยิงเป้าอย่างแต่ก่อน เพราะลำกล้องของปืนกระบอกนี้ยาวเพียง 2 5/8 นิ้วเท่านั้น ด้านซ้ายของลำกล้องไม่ใช้ข้อความแบบเดิมที่บอกลักษณะปืนลูกดกจุ 8 นัดว่า ".357 MAG 8 TIMES" อีกต่อไปแล้ว แต่กลับใช้คำว่า "357 Mag 8 X" แทน ระบบล็อกโม่เปลี่ยนไปคือ ฝังปุ่มล็อกโม่ไว้ที่บานพับโม่และยึดเข้ากับด้านล่างของฝักหุ้มก้านคัดปลอกซึ่งตรงกันข้ามกับเอ็ม 627 พีซีรุ่นที่เข้ามาเมื่อปีก่อนหน้านี้ โม่เป็นแบบโม่เกลี้ยงไม่เซาะร่อง (unfluted) และขนาดโม่ก็หนากว่าปืนขนาด .357 แม็กนั่มทั่วไป เนื่องจากเป็นโม่ของปืน .44 แม็กนั่มที่นำมาเจาะช่องสำหรับลูก .357 แม็กนั่ม จำนวน 8 ช่อง เอ็ม 627 กระบอกนี้ เขาแถมฟูลมูนคลิพมาด้วย 3 อัน และได้ปาดเนื้อของโม่ด้านหลังออกเป็น "ลาน" กว้าง เพื่อให้เป็นที่วางตัวของฟูลมูนคลิพ เวลาปิดโม่จะได้ไม่ติดตรงจานท้ายปลอกกระสุนที่ยื่นออกมาจากขอบช่องโม่


โม่จุ 8 นัด หลังโม่ปาดเว้าเป็นขอบลึก เพื่อใส่ฟูลมูนคลิพ ตัวช่วยบรรจุเร็ว

มาถึงเดือนกันยายน ปี 44 เอ็ม 627 พีซี ก็ปรากฏตัวในรูปโฉมใหม่เรียกชื่อว่า เอ็ม 627 พีซี วีคอมพ์ หรือเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า เอ็ม 627 วี 8 คราวนี้ พีซี ผลิตปืนออกมาสำหรับนักกีฬายิงปืนระดับ ไฮเอนด์โดยเฉพาะ ปืนกระบอกนี้ไม่ใช่ปืนลำกล้องสั้นอีกต่อไป แต่มีลำกล้องยาว 4.75 นิ้ว มีคอมเพ็นเซเตอร์ จำนวน 2 ชุด โดยเป็นคอมพ์มีช่องระบายแก๊ส 3 ช่อง 1 ชุด และคอมพ์ที่ไม่มีช่องแก๊ส 1 ชุด ด้านข้าง ลำกล้องไม่มีคำว่า "357 Mag 8 X" อีกต่อไป แต่พิมพ์คำว่า ".357 MAG V8" แทน ปืนกระบอกนี้มีโม่แบบเซาะร่อง

ก่อนที่จะหมดปี 44 ไป พวกเราชาวปืนก็มีโอกาสได้ยลโฉมรูปแบบใหม่ของ เอ็ม 627 วี 8 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นเมื่อเดือนกันยายน 44 อยู่หลายส่วน ลำกล้องของปืนเปลี่ยนไปจากขนาดยาว 4.75 นิ้ว เป็นลำกล้องยาว 3 นิ้ว คอมพ์ที่ติดมากับปืนมี 2 ประเภทเช่นเดิม คือคอมพ์ไม่มีช่องระบายแก๊ส (อาจเรียกว่าครอบลำกล้องก็ได้) และคอมพ์ที่มีช่องระบายแก๊ส 3 ช่อง โม่ที่เซาะร่องเป็นแบบกลีบมะเฟืองอย่างที่ ปรากฏในรุ่นเดือนกันยายน 44 ก็เปลี่ยนไปใช้โม่เรียบไม่เซาะร่อง เรียกง่ายๆว่าย้อนยุค ไป 3 ปีรวด คือเหมือนรุ่นปี 41 ด้านหลังโม่ปาดเนื้อโลหะออกไปเพื่อเหลือพื้นที่ไว้สำหรับแผ่นฟูลมูนคลิพ นอกจากนั้นประกับ ด้ามก็ทำได้ดีมากคือ ออกแบบเป็นไม้ทรงหัวนกกระตั้วซึ่งโดยปกติจะเป็นด้ามที่ป่อง ออกทางข้างและมักจะลื่นไม่กระชับมือ แต่สำหรับเอ็ม 627 วี 8 กระบอกนี้ ที่ว่า ประกับด้ามทำมาได้ดีมากนั้นก็คือ ด้านข้างของประกับด้ามแทนที่จะป่องออกกลับปาดเรียบ ทำให้ด้ามบางลงและกระชับกับอุ้งมือไม่ลื่น

ปืนกระบอกนี้แม้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงหลายจุดแต่ก็ยังคงลักษณะเดิมๆไว้ด้วย เช่น พวกคุณสมบัติพื้นฐาน อย่างเช่น การพิมพ์หมายเลขประจำตัวปืนไว้ทั้ง 3 จุด คือ ใต้กรอบโม่ด้านบนที่โครงด้ามด้านซ้ายและที่ส้นด้าม ฉะนั้นเวลาตีทะเบียนไม่ต้องเสียเวลาเปิดประกับด้ามออกเพราะแค่พลิกปืนขึ้นก็เห็นหมายเลขประจำตัวแล้ว นอกจากนั้นปืนของสมิธฯเขายังป้องกันปัญหาที่เกิดจากการประกอบโม่ผิดคู่ผิดฝาในกรณีมีปืนลูกโม่ หลายกระบอกด้วยการพิมพ์หมายเลขไว้ที่บานพับโม่และที่โครงด้ามด้านขวาตรงเกือบจะถึงส้นด้าม ปืนกระบอกที่เราทดสอบติดคอมพ์ชนิด 3 ช่องมาให้เลย

คาดว่าปืนกระบอกนี้จะถูกปรับแต่งโดยพีซีเฉพาะการขัดถูชิ้นส่วนภายในที่ เสียดสีกันให้การทำงานของชิ้นส่วนเหล่านั้น ราบเรียบยิ่งขึ้น เพราะเท่าที่ตรวจสอบดู แม้ว่าการเหนี่ยวไกทั้งซิงเกิลและดับเบิลจะราบเรียบไม่ขวิดไปมาซ้าย-ขวาอย่างปืนที่ ผลิตจากสายการผลิตปกติบางกระบอก แต่น้ำหนักไกก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงหรือเบากว่าปืนที่ไม่ได้แต่ง น้ำหนักไกซิงเกิลยังวัดได้ 4 ปอนด์ ในขณะที่ไกดับเบิลวัดได้ 12 ปอนด์ ซึ่งถือเป็นตัวเลขมาตรฐานของปืนแกะกล่อง เข้าใจว่าพีซีคงตั้งใจจะให้ปืนกระบอกนี้เป็น ปืนคอมแพ็กที่ใช้งานจริงๆ ไม่ได้หวังจะให้เป็นปืนระดับแข่งขันประเภทแตะลั่น จะว่าไปแล้ว เรื่องจริงก็เป็นอย่างนั้นครับ เพราะในสถานการณ์ที่เราต้องใช้ปืนเพื่อการป้องกันตัวหรือการปราบปราม การที่ปืนมีไกเบาเกินไปอาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปโดยไม่เจตนา และจะส่งผลเสียต่อแผนการหรือความ ปลอดภัยของเจ้าของปืนเป็นอย่างยิ่ง จึงมองว่าพีซีเขาแต่งปืนมาถูกทางแล้ว การถอดปืน ออกมาทำความสะอาดนั้นคงไม่ต้องบอกกล่าวกันแล้ว เพราะปืนสมิธฯเป็นที่รู้จักกันมาหลายชั่วคน ชิ้นส่วนภายในโดยละเอียดดูได้จากนิตยสารฉบับนี้เมื่อเดือนกรกฎาคม 44 ครับ

กลุ่มกระสุนของผู้ทดสอบที่ใช้ลูก .357 แม็กนั่ม ผู้ทดสอบยิง 2 มือ ระยะ 15 เมตร

การยิงทดสอบปืนกระบอกนี้ ผู้ทดสอบใช้ลูก 2 ชนิดคือ .38 สเปเชียล หัวบอลล์ของวินเชสเตอร์และลูก .357 แม็กนั่ม หัวรู หุ้มเปลือกแข็งของเฟเดอรัล การยิงทดสอบใช้ยิง 2 มือ ระยะ 15 เมตร ซึ่งดูว่าอาจจะเกินระยะของปืนลำกล้องยาว 3 นิ้วไปบ้าง แต่ความที่ปืนกระบอกนี้มีศูนย์หน้าทรงสูง ศูนย์หลังปรับได้จึงน่าจะไม่มีปัญหาในการยิงระยะนี้ ผู้ทดสอบไม่ได้ใช้ฟูลมูนคลิพในการบรรจุกระสุน คงใช้การสอดกระสุนเข้าไปในโม่ธรรมดาๆ สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือ ผู้รักษากฎหมายหากต้องการความรวดเร็ว ฟูลมูนคลิพช่วยได้มากครับ นอกจากนั้น ฟูลมูนคลิพยังช่วยเพิ่มอำนาจการยิงของปืนได้มากทีเดียว หากนับจำนวนกระสุนในฟูลมูนคลิพ 3 อัน
ก็จะได้ 24 นัด และรวมอีก 8 นัดในรังเพลิง ก็จะรวมเป็น 32 นัด เท่ากับปืนออโตลูกดก 2-3 กระบอกเชียวครับ

ผลการยิงสามารถทำกลุ่ม 7 นัด สำหรับลูก .38 สเปเชียลได้ดี 7 นัด อยู่ในวงดำทั้งหมด สำหรับกลุ่มกระสุนที่ยิงด้วยลูก .357 แม็กนั่ม ยิง 5 นัด กลุ่มแน่นกว่าลูก .38 สเปเชียลเสียอีก การทำงานของ ช่องพอร์ททำได้ดีแม้ว่ายิงด้วยลูก .357 ยังไม่เตะมากหรืออาจเรียกว่าแทบไม่เตะเลย แต่อย่างไรก็ตาม แรงดันของแก๊สที่หลุดออกมาจากช่องพอร์ทอาจมีผลหากยิงในที่แคบๆ และปิดกั้นโดยรอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือ ผู้ใช้ปืนในบริเวณดังกล่าวควรใช้คอมพ์แบบที่ไม่มีช่องแก๊สจะเหมาะสมกว่า

ปืนกระบอกนี้เป็นผลงานที่เกิดจากความตั้งใจและความเชี่ยวชาญของช่างแต่งปืนอย่างพีซี เชื่อหัวไอ้เรืองเหอะ นักเลงปืนระดับไฮเอนด์หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้รักษากฎหมายที่ต้องการปืนรีวอลเวอร์ลูกดก แต่งพิเศษในแบบคอมแพ็ก ต้องเลือกปืนกระบอกนี้เป็นคำตอบสุดท้ายอย่างแน่นอน
ห้างฯ ปืนเทเวศร์ โทร. 02-222-7537 หรือ 02-623-7061 เขารอท่านอยู่ครับ

นิตยสารอาวุธปืน ฉบับที่ 327 มกราคม 2545 มีวางจำหน่ายตามแผงหนังสือทั่วประเทศ

Copyright ©2000 www.gunsandgames.com Powered by eighteggs.com