เอสทีไอ
เพรสซิเดนท์ 9 มม. ปืนสั้นออโตซิงเกิลแอ๊คชั่นที่ออกแบบได้สมบูรณ์มากที่สุด และเป็นต้นแบบให้ถอดแบบหรือเลียนแบบกันมากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นปืนออโต 1911 ของโคลท์ไปได้ ไม่ว่าเวลาจะล่วงเลยไปนานเท่าใด เหตุผลหลักๆก็คือ การออกแบบที่สวยงามสะดุดตา มีลักษณะเป็นอมตะ พร้อมทั้งปฏิบัติการที่เชื่อถือไว้วางใจได้มากที่สุดแบบหนึ่ง ซึ่งมีการกล่าวอ้างอิงเป็นตัวเปรียบเทียบอยู่เสมอมา นับเป็นเวลา 90 ปีแล้วครับ
สิ่งต่างๆในโลกนี้มีการเปลี่ยนแปลง หรือมีการวิวัฒนาการไปตามกาลเวลาด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของที่มีอยู่ตามธรรมชาติ หรือสิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น โดยเฉพาะสิ่งที่ เกิดขึ้นจากความคิดและฝีมือของมนุษย์ ย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามวิวัฒนาการ ของมนุษย์โดยไม่ต้องสงสัย ดังนั้น ปืนออโต แบบ 1911 ที่นักนิยมปืนทั้งโลกมีความเห็นว่า เป็นปืนสั้นที่ได้รับการออกแบบได้ล้ำยุค จึงไม่ขึ้นอยู่กับกาลสมัย ตราบใดที่คนเรายัง ใช้กระสุนปลอกโลหะอยู่อย่างเช่นทุกวันนี้ เพราะว่านับตั้งแต่เริ่มประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมา เป็นครั้งแรกจนกระทั่งบัดนี้ แผนแบบหลักไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลยก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้ว ก็มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่ดี ไม่มีข้อยกเว้นเหมือนกันแหละครับ ลองย้อนกลับไปดูปืนออโต 1911 แบบดั้งเดิม ก็จะเห็นว่าเป็นรุ่นกัฟเวอร์นเมนท์ โมเดล เมื่อต้องการความกะทัดรัดก็เปลี่ยนเป็นรุ่นคอมมานเดอร์ หรือออฟฟิเซอร์ หรือแม้แตรุ่นดีเฟนเดอร์ ส่วนเมื่อต้องการใช้ยิงเป้าก็มีรุ่นโกลด์คัพ ซึ่งทำศูนย์หลังปรับได้ และปรับปรุงระบบลั่นไกให้เหมาะสมขึ้น ต่อเมื่อความนิยมยิงเป้าแข่งขันแบบแอ๊คชั่น ชู้ตติ้งเกิดแพร่หลายขึ้นมา จึงมีการปรับปรุง รูปร่างภายนอกให้เข้ากับสภาพการใช้งานหลายจุด ได้แก่ เซฟหลังอ่อน โกร่งไก ตัวไกปืน และปุ่มหรือคันบริหารกลไกต่างๆ อย่างที่เราเห็นกันอยู่ในตลาดปืนทั้งในและนอกประเทศในเวลานี้ พอถึงยุคสมัยที่นิยมปืนลูกดก ก็มีผู้ออกแบบโครงด้ามให้ใช้แม็กกาซีนสองแถวได้เหมือนกัน ท้ายที่สุด เมื่อมีปืนโครงพลาสติกออกมา ปืนออโตแบบ 1911 ก็เริ่มมีรุ่นที่โครง หรือโครงด้ามทำด้วยพลาสติก หรือสารสังเคราะห์ออกมาด้วยเช่นกัน เพียงแต่ว่าส่วนใหญ่แล้ว ไม่ใช่ยี่ห้อโคลท์เจ้าตำรับ แต่เป็นยี่ห้อเกิดขึ้นใหม่เสียส่วนมากครับ
ผู้ผลิตปืนสั้นออโตแบบ 1911 รายใหม่ๆ มีอยู่หลายรายด้วยกัน ล้วนแล้วแต่ทำปืนแบบ 1911 ออกมาในแนวเดียวกันแทบทั้งนั้น คือเกือบทุกยี่ห้อจะมีความฟิตแน่น ลักษณะแข็งแรง ทนทาน เพื่อใช้งานสมบุกสมบัน แต่กลไกปฏิบัติการมีความเรียบลื่น และมีความแม่นยำสูง เพราะต่างก็ผลิตปืน เพื่อให้ใช้ยิงแข่งขันประเภทคอมแบ็ทชู้ตติ้งเป็นหลักใหญ่ แต่บางบริษัทก็ผลิตแบบใช้งาน ตามปกติควบคู่ไปด้วย ส่วนผู้ผลิตรายใดจะคงลักษณะรูปทรงของปืนไว้ให้เหมือนปืน โคลท์ออโตเจ้าตำรับจริงๆ หรือปรับปรุงดัดแปลงส่วนไหนไปจากเดิมมากน้อยเพียงใด ก็แล้วแต่นโยบายของตน ซึ่งคาดว่าจะได้รับความนิยมจากผู้ใช้ปืนทั้งหลาย เอสทีไอ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นบริษัทผลิตปืนออโตแบบ 1911 รายใหม่อีก บริษัทหนึ่งที่จัดว่าทำปืนออโตแบบนี้อยู่ในชั้นแนวหน้า และได้รับความนิยมจากผู้ใช้ปืน โดยเฉพาะนักนิยมปืนในประเทศไทยอยู่มาก เนื่องจากการออกแบบสร้างปืนอันมีลักษณะแตกต่างออกไป ซึ่งคิดว่ามีอะไรก้าวหน้ามากกว่าปืนออโตแบบ 1911 ที่มีอยู่เดิม เอสทีไอจึงเรียกปืนสั้นออโตของตนว่าเป็น แบบ 2011 หมายความว่า นำสมัยกว่าปืนแบบ 1911 ถึง 100 ปีเต็ม ซึ่งก็หมายถึงเป็น ปืนสั้นออโตแห่งทศวรรษใหม่และสหัสวรรษใหม่ในเวลาเดียวกันด้วย
ความจริงแล้วที่บอกว่าเอสทีไอมีอะไรปรับปรุงก้าวหน้ากว่าปืนออโต
1911 แบบดั้งเดิม ไม่ใช่เป็นการอวดอ้างหรือคุยโตอย่างลอยๆ เพราะว่าเป็นต้นคิดทำโครงปืนแบบโมดูลาร์ขึ้นมาก่อนใคร
และหากผู้เขียนจำไม่ผิดก็ดูเหมือนจะทำโครงปืนที่มีครอบกันฝุ่นแบบเต็ม คือยาวตลอดถึงปลายลำเลื่อน
เป็นเจ้าแรก แต่ไม่ได้เรียกว่าแบบโมโนลิธเหมือนอย่างปืนเลสเบเออร์ นอกจากนี้
แกนสปริงลำเลื่อนหรือไกด์ร็อดของสปริงรีคอยล์ ส่วนมากจะเป็นแบบยาว ทุกรุ่นมีวิธีการถอด
ชุดสปริงลำเลื่อนอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ไม่เหมือนวิธีอื่นที่มีมาก่อน ทำให้ถอดปืนง่ายขึ้นมากไปด้วยในตัว
โดยไม่ต้องใช้ประแจขันบูชลำกล้อง หรือบากที่ปลายไกด์ร็อดให้เป็นช่องทางผ่านของขาบูช
หรือแม้กระทั่งหาไขควงเล็กๆ หรือเหล็กแหลมๆกดครอบสปริงลำเลื่อนเข้าไปเพื่อหลบขาบูชไปได้ ท่านที่ติดตามอ่านนิตยสารอาวุธปืนในระยะนี้ อาจจะรู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาของ "เอสทีไอ ฟีเวอร์" ก็ได้นะครับ เพราะมีรายงานการทดสอบปืนสั้นออโตติดต่อกันถึง 3-4 ฉบับ สำหรับนิตยสารอาวุธปืนฉบับที่ 325 พฤศจิกายน 2544 ซึ่งเป็นเดือนแห่ง เทศกาลลอยกระทงของไทยที่ท่านกำลังอ่านอยู่นี้มีรายงานการทดสอบปืนเอสทีไออยู่ด้วยเช่นกัน แต่เป็นปืนสั้นออโตรุ่นล่าสุดของเอสทีไอ ที่ดูเหมือนว่ายังไม่ปรากฏในแคตตาล็อกเลยครับ นั่นคือ เอสทีไอ"เพรสซิเดนท์" ซึ่งห้างฯ ปืนเทเวศร์ได้ส่งเข้ามาทดสอบเพราะเป็นร้านปืนเจ้าหนึ่งที่สั่งปืน เอสทีไอเข้ามาขายในตลาดปืนบ้านเรา เริ่มด้วยการเปิดกล่องปืนพลาสติกสีดำ มีตราโลโก้ของเอสทีไอเป็นตัวนูนอยู่กับฝาบน ข้างในเป็นฟองน้ำลูกคลื่นสีเทาดำ บุอยู่อย่างที่ท่านเคยเห็นนั่นแหละครับ มอง เห็นปืนออโตสีเงินกระบอกหนึ่งวางอยู่ครั้งแรก คิดว่าเป็นเอสทีไอรุ่น"เอดจ์" แต่พออ่าน ตัวอักษรที่ด้านข้างลำเลื่อน จึงทราบว่าไม่ใช่ แต่เป็นรุ่น "เพรสซิเดนท์" เพราะหลังจากเอสทีไอเสนอปืนรุ่น "ดิเอดจ์" สู่ตลาดแล้ว ก็ทำปืนออกมาอย่างต่อเนื่องอีกหลายรุ่น รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ อาจารย์ ดร. ผณิศวรได้กล่าวไว้ในฉบับก่อนๆแล้ว โปรดย้อนกลับไปเปิดดูในนิตยสารอาวุธปืนตั้งแต่ ฉบับที่ 322 เป็นต้นมาจนถึงฉบับนี้ ดังนั้น ข้อมูลปลีกย่อยบางอย่าง ผู้เขียนจึงไม่ขอกล่าวซ้ำอีกนะครับ
เมื่อพิจารณาดูจริงๆ รู้สึกว่าเหมือนเอสทีไอรุ่น "เอ๊กเซคิวตีฟ" มากกว่ารุ่นอื่น เพียงแต่ใบศูนย์หน้าของเพรสซิเดนท์เหมือนกับเอดจ์มากกว่าที่จะเหมือนของเอ๊กเซคิวตีฟ ซึ่งเป็นแบบ "ดอว์สัน ไฟเบอร์ ออฟติก" ลักษณะรูปร่างที่สะดุดตาต่างจากปืนแบบ 1911 ยี่ห้ออื่นๆก็คือ โครงด้ามเป็นโพลิเมอร์ จำพวกไนล่อนผสมใยแก้ว อวบอ้วนอย่างปืนลูกดกทั้งหลาย แต่โครงส่วนบนซึ่งเป็นโลหะชนิดเหล็กชุบฮาร์ดโครม ดูคล้ายเหล็กสเตน เลสส์มาก โครงส่วนบนซึ่งประกอบด้วยรางลำเลื่อนและครอบกันฝุ่นมีขนาดกว้างและยาวกว่าธรรมดา โกร่งไกเป็นรูปสี่เหลี่ยม ชุดโครงด้ามถอดออกจากโครงส่วนบนของปืนได้ เพราะยึดเข้าด้วยกันไว้ด้วยสกรูหัวหกเหลี่ยม มีปากบ่อแม็กกาซีนเป็นขอบสันขนาดใหญ่ ตามแบบฉบับปืนใช้แข่งขันไอพีเอสซี โครงปืนส่วนบนทำด้วยโลหะหนา ดูแข็งแรงมากครับ ส่วนของลำเลื่อนก็เป็นเหล็กชุบฮาร์ดโครมเช่นกัน ค่อนข้างหนาทึบ แข็งแรง ไม่ต่างอะไรกับส่วนโครงปืนที่เป็นโลหะ มีร่องจับกันลื่นเอนเฉียงทำมุมองศาขนานกับ โครงด้ามทั้งด้านหน้าและด้านหลังของลำเลื่อน ด้านข้างตรงกลางลำเลื่อนทางซ้ายมีอักษร สลักบอกชื่อรุ่นว่า PRESIDENT อันหมายถึง ประธานาธิบดี หรือประธานบริษัท อะไรทำนองนั้น ส่วนทางขวาก็มีตราโลโก้อยู่ภายในรูปแผนที่ของมลรัฐเท็กซัสในสหรัฐอเมริกา อันเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตปืนยี่ห้อนี้
ถ้ามองจากทางด้านหน้าหรือหลัง จะเห็นว่าลำเลื่อนเป็นแท่ง 5 เหลี่ยม สันบนเป็นเหลี่ยม 3 ด้าน ด้านบนสุดแบนราบ แต่เซาะร่องเล็กๆ กันสะท้อนแสง ถ้าหากมองดูดีๆ ก็จะเห็นว่า โครงปืนส่วนหน้ามีลักษณะเป็นเหลี่ยม 5 ด้านเหมือนกันจึงดูคล้ายกับท้องแบน เมื่อประกอบกับลำเลื่อนแล้วกลายเป็นรูป 8 เหลี่ยมด้านข้างยาวกว่าด้านอื่นๆ ครับ ศูนย์ปืนทำด้วยเหล็กรมดำ ไม่ชุบฮาร์ดโครมให้ขาวเหมือนลำเลื่อนและลำกล้อง ศูนย์หน้าเป็นแท่งยอดราบ หน้าโค้งมน หลังตัดฉากแบบยิงเป้า ฐานเสียบร่องขวางบนลำเลื่อน มีสลักแผ่นม้วนตัวเล็กมากยึดไว้ ทำให้ตรึงแน่นอยู่กับที่ ส่วนศูนย์หลังปรับได้ แบบศูนย์โบ-มาร์ไม่มีผิด เนื่องจากศูนย์สีดำ จึงเล็งได้ง่ายและชัดดีมากครับ ลำกล้องหนาทึบแข็งแรงมาก มีลักษณะค่อนข้างหัวโตเพื่อให้ฟิตแน่นกับปลายลำเลื่อน เพราะไม่ใช้บูชลำกล้อง นี่ก็เป็นจุดที่แตกต่างกับปืนแบบ 1911 แต่เดิมแท่งใต้ ลำกล้องตรงรังเพลิงส่วนหนึ่งทำเป็นทางลาดป้อนกระสุนเข้ารังเพลิง อีกส่วนหนึ่งก็ร้อย ห่วงโตงเตงตามปกติ รังเพลิงและฮู้ดท้ายลำกล้องหนามากจนคิดว่าการเกิดระเบิด ฉีกออกมาแทบเป็นไปไม่ได้ครับ แต่ถ้าจะว่ากันตามข้อเท็จจริงแล้ว ถ้าใครก็ตามยิงปืน เอสทีไอแล้วลำกล้องระเบิดได้ ก็คงจะยิงปืนอะไรยี่ห้อไหนลำกล้องแตกระเบิดได้ทั้งนั้น
มีจุดที่น่าสนใจที่ชุดสปริงลำเลื่อนของปืนเอสทีไออยู่อย่างหนึ่ง รวมทั้งรุ่นเพรสซิเดนท์ด้วย ไม่ใช่อยู่ที่ไกด์ร็อดยาวนะครับ เพราะไกด์ร็อดแบบยาวเป็นที่รู้จักกันดีและใช้กันมานานพอสมควรแล้ว จุดสำคัญอยู่ที่ถอดชุดสปริงลำเลื่อนและลำกล้องออกจากลำเลื่อน หรือแม้แต่ถอดชุดลำเลื่อน/ลำกล้อง ออกจากโครงปืนได้ง่ายกว่าปืนยี่ห้ออื่นๆแบบเดียวกัน และมีไกด์ร็อดยาวเหมือนกัน เพราะเอสทีไอใช้เพียงลวดทำเป็นตะขอเล็กๆ สั้นๆ คล้องไว้กับรูกลมขนาดเล็กเจาะไว้ที่ไกด์ร็อด แล้วทุกอย่างก็กลายเป็นเรื่องง่ายไปหมด ไม่ต้องใช้ประแจบูชลำกล้อง (เพราะไม่มีบูช) ไม่ต้องใช้เครื่องมือเล็กๆ กดหลอดครอบสปริงให้จมลงไป เพราะหลอดครอบสปริงเป็นแบบกลับทาง คือต้องถอดออกทางด้านหลัง ไม่ใช่ถอดออกทางด้านหน้าตามปกติ หลายๆคนรวมทั้งผู้เขียนด้วย อาจจะรู้สึกว่าการถอดปืนออโตแบบ 1911 ที่มีไกด์ร็อดยาว ไม่ว่าจะต้องใช้ประแจบูชหรือบากร่องบนไกด์ร็อดให้ขาบูชบิดผ่านได้ และต้องใช้ไขควงเล็กๆ กด หลอดครอบสปริงลงไปก่อน ไม่เห็นจะเป็นปัญหายากเย็นอะไรเลย แต่พอผู้เขียนหัวแม่มือซ้ายซ้น รู้สึกเคล็ดขัดเจ็บปวดมาได้สัก 2-3 เดือนแล้ว การถอดปืนออโตแบบ 1911 ที่มีไกด์ร็อดยาวเป็นเรื่องแทบ เป็นไปไม่ได้เลยครับ ลองนึกถึงจะต้องถอดปืนแบบนี้อีก 20 กว่าปีข้างหน้า เลยหยุดคิดดีกว่า เห็นทีจะต้องนำไกด์ร็อดไปให้ช่างเจาะรูแบบไกด์ร็อดของเอสทีไอเป็นแม่นมั่นแล้วละครับ แต่ยังไม่ลงทุนซื้อไกด์ร็อดที่เป็นโลหะทังสเตน น้ำหนักอุ้มมือ และผิวเรียบลื่นเป็นเงาอย่างของเอสทีไอ ในเวลานี้ฝันๆอยากได้ทั้งกระบอกในอนาคตเสียมากกว่าครับ ระบบลั่นไกและระบบนิรภัยโดยหลักใหญ่แล้ว
ไม่มีอะไรแตกต่างจากปืนออโตแบบ 1911 แต่มีรายละเอียดปลีกย่อยที่น่าสนใจไม่น้อย
คือ ไกปืนสีดำทำด้วยไนล่อนเสริม ใยแก้วแบบเจาะโปร่งไม่เหมือนใคร แต่สะพานไกรูปโกลนทำด้วยเหล็กสเตนเลสส์
4140 นกสับแบบเจาะโปร่งเช่นเดียวกันกับปืนซิ่งทั้งหลาย แต่ทำด้วยเหล็กกล้า
A-6 เซฟหลังอ่อนปลายงอนโค้ง ด้านบนมีบ่อรับหงอนนกสับ ซึ่งเป็นลักษณะธรรมดาของปืนแต่งพิเศษ
ทำด้วยเหล็กสเตนเลสส์ 17-4 คันนิรภัยหัวแม่มือแบบยาวทำด้วยสเตนเลสส์ มีทั้งสองด้านซ้ายและขวาของปืน
ดูแปลก อยู่บ้างก็ตรงที่ปุ่มปลดแม็กกาซีน ไม่ใช่เพราะทำด้วยสเตนเลสส์สีขาวตัดกับโครงด้าม
แต่เป็นปุ่มสูงผิวเรียบ ไม่มีลายกันลื่น ถึงแม้จะเป็นปืนลูกดก แม็กกาซีนสองแถวทำด้วยเหล็กสเตนเลสส์
410 ไม่จำเป็นต้องมีขอบ ปากบ่อแม็กฯก็ได้ แต่ก็มีปากบ่อแม็กกาซีน ทำด้วยเหล็กสเตนเลสส์มาให้พร้อมเสร็จ
เพื่อไม่ให้เสียเปรียบหากใช้ปืนยิงแข่งขันครับ
ตรวจสอบความเรียบร้อยของปืนและบริหารกลไกแล้วพบว่า ปืนสั้นออโตเอสทีไอผลิตด้วยฝีมือประณีตดียิ่ง ตามเหลี่ยมมุมต่างๆ ปาดไว้เรียบร้อยไม่มีที่ติ และไม่ทำกลมมนให้เสียรูปด้วยครับ ผิวด้านในของ ปืนเองก็ราบเรียบ ไม่มีรอยเครื่องมือเครื่องจักรปรากฏให้เห็น แถมยังเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ อย่างนึกไม่ถึง ทำให้ผู้ที่ได้เห็น พอจะคาดคะเนความแม่นยำว่าคงไม่เป็น รองใครในบรรดาปืนประเภทและระดับเดียวกัน การยิงทดสอบ
เพื่อให้แน่ใจว่าแม็กกาซีนลูกดกทำงานเรียบร้อยดี จึงบรรจุกระสุนเต็มที่ได้
21 นัด และใช้แรงนิ้วมากเป็นพิเศษเพียง 1-2 นัดตอนท้าย ถึงจะเป็นปืนระดับยิงเป้า
ลำกล้อง 5 นิ้วตาม มาตรฐานก็ตาม แต่ผู้เขียนก็ยังยิงทดสอบไปยังเป้าตาวัวที่ระยะ
15 เมตร เพราะผู้เขียนหรือผู้ทดสอบบางท่านไม่ใช่นักกีฬายิงเป้า ซ้อมยิงจัด
ขนาดหมดกระสุนเป็นลังๆ ขืนไปยิงที่ระยะ 25 เมตร ท่านผู้อ่านเห็นกลุ่มกระสุนแล้วก็อาจเปลี่ยนใจ
ไม่อยากซื้อก็ได้ครับ เท่าที่ผู้เขียนสอบถามดูปืนอะไรที่ยิงทำกลุ่มดีที่ระยะ
15 เมตร หากเจ้าของปืนมีฝีมือดี สรุปแล้ว
เอสทีไอ เพรสซิเดนท์ ขนาด 9 มม. จัดว่าเป็นปืนที่ออกแบบมาเพื่อใช้แข่งขันไอพีเอสซี
ลิมิเต็ดคลาส โดยแท้จริง เพราะปฏิบัติการเชื่อถือไว้วางใจได้ มีความแข็งแรง
ทรหดต่อการใช้งานยิ่ง ความแม่นยำสูง ในเวลาเดียวกันก็เหมาะที่จะเป็นปืนต่อสู้ป้องกันตัวในสนามของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปราม
เพราะบรรจุกระสุนมากนัดน้องๆ ปืนกลมือ แต่ประชาชนก็มีสิทธิที่จะซื้อหามาไว้
ป้องกันตัวได้เช่นเดียวกันครับ โปรดติดต่อขอรายละเอียดที่ท่านอยากทราบเพิ่มเติมได้ที่
|
||||||||||||||
นิตยสารอาวุธปืน
ฉบับที่ 325 พฤศจิกายน 2544 มีวางจำหน่ายตามแผงหนังสือทั่วประเทศ
|
Copyright
©2000 www.gunsandgames.com
Powered by eighteggs.com