วอลเธอร์
พี 22 วอลเธอร์ นับเป็นบริษัทที่ผลิตปืนออกขายในรูปแบบต่างๆมากที่สุดบริษัทหนึ่งในโลก
มีปืนที่ได้รับความนิยมสูงมากหลายแบบ และมีการพัฒนาปืนใหม่ๆออกมาอย่าง ต่อเนื่องชนิดที่ไม่ยอมให้ใครทิ้งห่างในตลาดที่ตัวเองทำปืนออกขายอยู่อย่างเด็ดขาด
ในด้านของปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติซึ่งเป็นตลาดปืนใหญ่ที่สุดมียอดจำหน่ายมากที่สุด
วอลเธอร์ ก็พัฒนารุ่นพี 99 ออกมาจนได้รับความนิยมอยู่ในอันดับต้นๆที่ลูกค้าจะเลือกหาไว้ใช้งาน
และในที่สุดแบบพี 99 นี้
แรกทีเดียวเมื่อทราบว่าจะทดสอบ วอลเธอร์ พี 22 ผมก็จัดแจงเปิดดูในอินเตอร์เน็ต เห็นในแคตตาล็อกมีภาพทั้งรุ่นสั้นและรุ่นยาว หน้าตาเหมือนรุ่นใหญ่ พี 99 ไม่มีผิด สงสัยจะเปลี่ยนแค่ช่วงบน คงจะเป็นคอนเวอร์ชั่นยูนิตมาจากโรงงานเอง ที่ไหนได้พอได้รับปืนทดสอบมาสองกล่องเปิดออกดู ทำไมมันกระบอกเล็กอย่างนี้ล่ะ ดูจากรูปภาพก็ไม่รู้ขนาดตัวจริง กลายเป็นปืนสั้นออโตขนาดเล็กน่าเอ็นดู ใครๆเห็นก็อยากลองยิงดูทั่วหน้า ทางบริษัทวอลเธอร์เองเจตนาออกแบบผลิตปืนรุ่นนี้ออกมาเพื่อให้เป็นปืนสั้นออโตลูกกรดที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา แต่ยังคงแนวการออกแบบไว้เป็นปืนออโตต่อสู้ป้องกันตัวตามสมัยปัจจุบัน การปฏิบัติการ การบังคับควบคุมเหมือนกับปืนรุ่นพี่ พี 99 แทบทุกประการ ต้องการให้เป็นอุปกรณ์สำหรับ ฝึกซ้อมและยิงเพลิดเพลินได้ดี
จะให้อธิบายรูปร่างลักษณะก็ต้องบอกว่าเหมือนกับวอลเธอร์
พี 99 ทุกประการ แต่ตัวเล็กกว่า ส่วนที่แตกต่างภายนอกมีให้ เห็นน้อยมาก เริ่มที่โครงด้ามทำด้วยโพลิเมอร์
วัสดุเดียวกับรุ่นใหญ่ รูปแบบและลวดลายคล้ายกันมากที่สุด ส่วนหน้าของด้ามมีร่องนิ้ว
ปุ่มลายกันลื่นด้านข้างเหมือนกับรุ่นใหญ่เลย ด้านหลังด้ามมีส่วนนูนโค้งซึ่งมีรอยให้เห็นว่า
เป็นคนละชิ้นซึ่งถอดเปลี่ยนได้เหมือนกับรุ่นใหญ่อีกเหมือนกัน ของรุ่นใหญ่นั้นมีชิ้นส่วนหลังด้ามมาให้เลือกเปลี่ยนสองชิ้น
แต่ พี 22 มีมาให้อีกชิ้นเดียว ชิ้นที่มีมาให้จะมีส่วนบน อูมอ้วนกว่าสำหรับคนที่อุ้งมือใหญ่กว่า
แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นด้ามที่มีขนาดเล็กกว่า พี 99 นะครับ ส่วนร่องพักนิ้วหัวแม่มือตอนบนมีทั้งด้านซ้ายและขวาก็เหมือนกับรุ่นใหญ่อีกนั่นแหละ
คันปลดแม็กกาซีนตรงหลังโกร่งไกที่ใช้วิธีกดลงก็มีทั้งสองด้าน ที่แปลกคือของ
พี 99 ทำด้วยพลาสติก ส่วนสไลด์ก็มีรูปทรงเหมือนกับรุ่นใหญ่
คือ ปาดเรียบเป็นทรงหลังคาโรงนาฝรั่ง ตรงนี้เริ่มมีส่วนที่ไม่เหมือนกับ
สมัยหนึ่งมีข้อถกเถียงกันว่าคันเซฟควรจะกดลงหรือดันขึ้นเพื่อแสดงว่าพร้อมยิง ก็แน่นอนละครับว่าต้องมีพวกที่ทำปืนมาทั้งสองแบบแหงๆ เถียงกันไปมาเพราะต่างคน ก็ไม่อยากแก้ไขแบบผลิตของตัว พอมาได้ทางออกกลางๆว่า ทำคันเซฟให้มันยาวเสียหน่อย แล้วก็ชี้ตรงแนวลำกล้องตอนปลดเซฟก็แล้วกัน ถือเป็นภาษามือหรือภาษาใบ้ที่เป็นกลางครับ คันเซฟชี้ตรงไป ข้างหน้าคือไม่มีอะไรขวางกั้น แต่ก็อย่าวางใจนะครับ อาจมีคนไม่ได้ร่วมเถียงอยู่หนนั้นด้วยทำปืนออกมาขาย ฉะนั้นก่อนใช้ปืนต้องทำความเข้าใจการทำงานให้ดีเองเสียก่อน แม็กกาซีนมีมาสองตัวสองแบบ ความจุ 10 นัดเหมือนกัน หน้าตาก็เป็น แม็กกาซีนปืนออโตลูกกรดทั่วไปที่ทำด้วยเหล็กแผ่นปิดปลายแม็กกาซีนมีแบบเรียบพอดีกับช่องเว้าของปลายด้าม กับอีกอันหนึ่งมีจะงอยยื่นมารับฝ่ามือ ลิ้นส่งกระสุนเป็นพลาสติก ทำงานเรียบร้อยดี นอกนั้นก็ธรรมดาไม่มี อะไรหวือหวา กดคันปลดแม็กกาซีนแล้วก็หล่นปรื๊ดออกมาตามวิธีทางของอเมริกัน ของวอลเธอร์นี่ดีหน่อยเผลอปล่อยหล่นลงพื้น ก็ไม่บุบบิบบู้บี้ให้ต้องดัดต้องซ่อมเพราะมีแผ่นปิดท้ายเป็นพลาสติก สปริงนกสับค่อนข้างแข็ง
ใช้หัวแม่มือง้างบ่อยๆ พาลลายนิ้วมือจะเลือนหมด ผมเอง บางทีจะง้างนกก็ยังใช้วิธีดึงสไลด์เอาเลย
มีที่จับกว้างขวางหน่อย เรื่องสปริงนกสับแข็งนี่ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบปืน
เพราะมีสปริงสองตัวที่ออกแรงต้านสไลด์เอาไว้เวลามันถอยกลับมา ตัวหนึ่งคือสปริงรีคอยล์
ซึ่งกระบอกนี้ทำมาเป็นแบบลวดเส้นเล็กขวั้นพันกันเป็นเส้นใหญ่ ซึ่งที่จริงก็ไม่ใหญ่อะไร
นัก และอีกตัวหนึ่งคือสปริงนกสับ ลดแรงสปริงนกสับเพื่อจะทำไกให้เบาก็อาจทำให้สไลด์กระแทก
สไลด์ทำด้วยโลหะหล่อขึ้นรูป ทำผิวสีดำทั้งหมด ข้างในมีโลหะหล่ออีกชิ้นหนึ่ง บรรจุเข็มแทงชนวน ชุดเซฟ และทำตัวเป็นหน้าลูกเลื่อนด้วย ส่วนนี้รูปร่างหน้าตาและการทำงานเหมือนกับปืนออโตขนาด 9 มม. ทั่วไปเพียงแต่ขนาดเล็กกว่า ลำกล้องเล็กบาง มีปลอกสวมทับที่ปลายมีเกลียวสำหรับ ขันปลอกเกลียวอีกตัวหนึ่งอัดปลอกสวมให้แน่นกับแท่นยึด ในคู่มือที่ให้มากับปืนระบุว่า ถ้าเราจะเปลี่ยนสภาพจากปืนสั้นจู๋ไปเป็นปืนทรงแข่งยิงเร็วก็เพียงแต่เปลี่ยนลำกล้องตรงนี้ แล้วขันยึดตุ้มน้ำหนักที่ปลายลำกล้องก็เป็นอันเสร็จสิ้นการแปลงสภาพ แต่ของบ้านเรา คงจะไม่มีใครขายชุดแปลงสภาพที่ว่านี้ คงจะมาเป็นแต่ละกระบอกแต่ละแบบไปเลย ปืนที่ ได้รับมาทดสอบสองกระบอก กระบอกยาวคือ อยู่ในชุดแข่งขัน ฝรั่งเรียกแค่ว่ารุ่นลำกล้อง 5 นิ้ว ส่วนตัวสั้นเรียกว่ารุ่นลำกล้อง 3.42 นิ้ว หัวตุ้มน้ำหนักสำหรับลำกล้องยาวมีเซาะร่องด้านบนดูคล้ายช่องพอร์ทในปืนแข่ง แต่ที่จริงไม่มีอะไรเพียงแต่ทำไว้ดูสวยคล้ายๆ ปืนแข่งเท่านั้น ส่วนล่างก็มีรางติดอุปกรณ์ เหมือนกับที่ตัวโครงปืนรับต่อกันมาเป็นรางยาวเดียวกัน ตุ้มน้ำหนักตัวนี้ใช้ประแจ หกเหลี่ยมที่ให้มาด้วยในกล่องปืนขัน มีสองขนาดให้ยึดด้านข้างและด้านบน ศูนย์หน้า ก็ย้ายมาอยู่ที่ตุ้มตัวนี้ด้วยในรุ่นยาว ส่วนรูศูนย์หน้าเดิมก็มีชิ้นพลาสติกปิดแทนไว้ ศูนย์หน้านั้นก็ให้มาสำรองอีกสองตัว ตัวที่ติดอยู่ที่ปืนเขียนเลข 3 ไว้ ที่ให้มาอีกสองตัว เป็นเบอร์ 2 และ 4 ก็เป็นลำดับความสูงละครับ ให้มาเป็นกลางๆ แล้วถ้ายิงกินต่ำไป ก็เปลี่ยนใช้ตัวเตี้ยลงคือเบอร์ 2 ถ้ายิงกินสูง ก็เปลี่ยนไปใช้เบอร์ 4 ทั้งสองกระบอกให้ใบศูนย์หน้ามาเหมือนกัน ด้านล่างของใบศูนย์ ทำเป็นสองขาให้ใช้คีมหนีบปลดออกมาได้ จะใส่เข้าก็บีบเสียหน่อยแล้วกดลงไปในช่องศูนย์หน้า ระบบศูนย์หน้านี่ก็เหมือนกับรุ่น พี 99 นะครับคือปรับสูงต่ำด้วยการเปลี่ยนใบศูนย์หน้า แต่ไม่ยืนยันว่าใช้ตัวเดียวกันหรือไม่ เพราะไม่มีพี 99 มาเทียบ ส่วนศูนย์หลังปรับซ้าย-ขวาได้โดยใช้ไขควงปรับ นี่ก็เหมือนปืนพี 99 ใบศูนย์มีจุดแต้มขาวแบบสามจุด ศูนย์หน้าหนึ่ง ศูนย์หลังสอง ดูมาถึงตรงนี้แล้วก็ไม่เห็นมีอะไรแตกต่างกับปืนรุ่นใหญ่เลย จริงๆ เป็นอย่างที่ วอลเธอร์ตั้งใจไว้ให้เป็นปืนสำหรับหัดยิงก่อนจะขยับไปยิงปืนคาลิเบอร์ใหญ่ขึ้นในแง่ของการปฏิบัติการ
ตอนถอดปืนเพื่อทำความสะอาดนี่แหละครับที่จะต่างกับปืนขนาดใหญ่ เนื่องจากเป็นปืนลูกกรดระบบโบล์วแบ็ก ลำเลื่อนถอยมาตรงๆ ขืนแรงสปริงสองตัวที่กล่าวแล้วเพื่อให้ปืนทำงานครบวงจร ปืนลั่น เกิดก๊าซดันหัวกระสุนวิ่งไปตามลำกล้อง ดันปลอกกระสุนและสไลด์ไปข้างหลัง ถึง ระยะหนึ่งปลอกเปล่าก็ถูกดีดออก พอหมดแรงเฉื่อยถอยหลังก็โดนสปริงรีคอยล์ดันกลับ ไปข้างหน้าซึ่งก็ลากกระสุนใหม่จากแม็กกาซีน เข้าไปรังเพลิงด้วย พร้อมยิงนัดต่อไป การ จะถอดปืนก็ให้แน่ใจว่าไม่มีกระสุนอยู่ในปืน จากนั้นดึงสลักที่อยู่บริเวณโกร่งไกลงมาข้างล่างตรงๆ สลักนี้หน้าตาเหมือนกับของพี 99 ดึงลงมาแล้วก็จับสไลด์ดึงถอยหลัง ง้างนกออกไป เสียก่อนจะได้ออกแรงขืนเฉพาะสปริงรีคอยล์ ดึงสไลด์ถอยหลังไปจนสุดแล้วก็ยกท้ายสไลด์ขึ้นได้ ยกพอให้หน้าลูกเลื่อนหลบพ้นท้ายลำกล้องซึ่งติดอยู่กับที่ จากนั้นก็ผ่อนชุดสไลด์ ตามแรงสปริงรีคอยล์ไปข้างหน้าจนหลุดไปจากโครงปืน ตอนนี้ก็ทำความสะอาดได้ทุกส่วน ลำกล้องจะติดอยู่กับแท่นบนโครงปืนเหมือนปืนใหญ่ (จะถอดสไลด์ของรุ่นลำกล้องยาว ต้องถอดหัวโตออกก่อนด้วยประแจหกเหลี่ยมสองตัวที่ให้มาด้วยครับ) จะถอด ลำกล้องออกเปลี่ยนก็ใช้ประแจตัวโตขันปลอกเกลียวปลายลำกล้องออก ดึงปลอกครอบออกไปด้านหน้า ปลอกนี้มีร่องบากกำกับทิศทางอยู่ ถ้าจะใส่กลับเข้าไปต้องดูให้ตรงร่อง มิฉะนั้นจะเข้าไม่สุด ไปรู้อีกทีก็ตอนจะประกอบสไลด์เข้ากับโครงปืน ตัวลำกล้องและรังเพลิง ดึงออกด้านหลัง ทำตกใต้ถุนบ้านบอกให้เด็กไปเก็บก็ไม่รู้หรอกครับว่าเป็นลำกล้องปืน เป็นท่อเล็กๆ มีส่วนที่โตหน่อยอยู่ปลายข้างหนึ่ง ปืนน่ะจริงๆแล้วทำไม่ยากหรอกครับ บ้านเราไม่น่าห้ามเลย ต้องไปซื้อของเขามาแพงๆ ทางวอลเธอร์คุยว่ามีระบบความปลอดภัยเพียบ นอกเหนือจากคันเซฟแล้วก็มี บล็อกเข็มแทงชนวนที่ต้องมีการเหนี่ยวไกจึงปลดล็อก และแม็กกาซีนเซฟ ซึ่งถ้าไม่มี แม็กกาซีนสอดอยู่แล้วเหนี่ยวไกก็จะวืดไปเฉยๆ นอกจากนั้นก็ยังมีที่บอกให้รู้ว่ามีกระสุนในรังเพลิงหรือไม่ ตอนที่วางปืนไว้ที่สนามทดสอบทีแรก ใครๆก็อยากจะลองยิงกันถ้วนหน้า ท่าทางจะมันดี แต่พอลองยิงเข้าจริงกลุ่มโปรที่ทดสอบ ก็พบว่ามีข้อติอยู่สองอย่าง หนึ่งคือน้ำหนักไกที่หนักมาก เป็นไกแบบซิงเกิลห้าปอนด์กว่า ที่รู้สึกว่ามากกว่านั้น แบบดับเบิลไม่ต้องพูดถึง มีแต่ผมที่ลองยิงแบบดับเบิลนัดแรก เหนี่ยวไปแยกเขี้ยวไปเพราะไกมันหนัก แต่เรื่องนี้ก็ต้องยกประโยชน์ให้จำเลย (หรือผู้ผลิต) ในฐานที่ทำไว้ให้เป็นปืนฝึกหัด มีให้ไว้ครบถ้วนก็ดีแล้ว จะมามีปัญหาเอาตอนลดนก เพื่อพกพานี่แหละครับ ปืนไม่มีคันลดนก จะลดนกต้องใช้วิธีเหนี่ยวไกขณะที่หัวแม่มือ ค่อยๆผ่อนนกสับลงชิดโครงปืน ซึ่งปืนโครงใหญ่ อื่นๆ ก็เลิกกันไปเกือบหมดแล้ว หรือจะใช้วิธี เข้าเซฟแล้วเหนี่ยวไกก็ได้แต่เสียงมันไม่เพราะเอาเสียเลยที่โลหะมันกระทบกัน หนึ่งคือกลัวมันหัก สองคือหวาดเสียวที่ต้องเหนี่ยวไก ใส่รังเพลิงที่มีกระสุนอยู่ ข้อติอย่างที่สอง ที่ท่านนักทดสอบทั้งหลายพบก็คือด้ามที่เห็นว่าน่าเอ็นดูนั้นมันเล็กไป ก็มือของแต่ละท่าน (รวมทั้งของผม) กำรอบแล้วยังใช้เล็บจิกฝ่ามือของตัวเองด้วย อาจารย์วีระที่ยิงมือเดียวไม่บ่นว่าไกหนัก บอกว่าไม่เห็นเป็นไร แต่ด้ามเล็กนี่สิเวลายิงทาร์เก็ตมือเดียว ต้องใช้ข้อนิ้วแรกเหนี่ยวไกทำให้ต้องคลายมือที่กำปืน หมุนออกมาเพื่อให้นิ้วพอดีไก สรุปว่าเป็นปืนสำหรับคนมือเล็กครับ
ทดสอบช่วงที่สอง ให้กลุ่มเป้าหมายของปืนนี้ลองยิงดู คือกลุ่มสุภาพสตรีและเด็ก กลุ่มนี้เห็นปืนทีแรกก็เหมือนกลุ่มแรกคือ อยากยิง ท่าทางจะมันดี จับปืนแล้วยิ่งชอบใจ เพราะพอดีมือดีเหลือเกิน ไกหนักเบาอย่างไร ไม่เห็นบ่น คนที่เคยยิงมาน้อยมากก็สอนให้ได้ง่าย ผมให้เพื่อนสอนให้แล้วคอยสังเกตดู น่าจะเป็นเพราะคันบังคับต่างๆ ทำงานชัดเจน นกสับ คันเซฟ คันปลดแม็กกาซีน คันปลด สไลด์ ที่พบว่าทำงานตามที่ออกแบบมามากที่สุดคือเซฟแม็กกาซีนครับ ผมเองไม่ชอบเลย กับการออกแบบนี้เพราะจะทำให้ปืนยิงไม่ได้ กรณีไม่มีแม็กกาซีน (ก็ของมันทำตกหายกันได้ ยิ่งตอนชุลมุน) แต่การฝึกให้สุภาพสตรียิงปืนนี้ช่วยให้ดูแลปลอดภัยได้ดีนัก ผมให้ยิงเป้าหุ่นคน เลือกยิงเอาเป็นที่ๆ ให้เล็งที่ ศีรษะและที่กลางตัวตรงวงเอ็กซ์ก็ยิงกันได้ดี ส่งต้นฉบับแล้วต้องไปขอค่ากระสุนทดสอบ เพิ่มเพราะวันนั้นยิงกันเหลือเกิน ส่วนนักทดสอบกิตติมศักดิ์ที่เห็นปืนแล้วบอกว่า ต้องลองยิงให้ได้ คือแม่บ้านของผมเอง กลุ่มเป้าหมายตัวจริงเลยละครับ บอกว่าปืนน้ำหนักเบาดี จับถือพอดีมือ รีคอยล์ไม่ดุเดือด (เมื่อก่อนให้ยิงลูกโม่ .38) แถมให้ยิงเป้าหุ่นคนที่ 25 เมตรก็ยิงโดนทั้งหมด ปรากฏว่าเมื่อยิงเสร็จแล้วก็ชอบใจใหญ่ บอกว่าเอากระบอกนี้แหละ หวังว่าคงออกสตางค์ซื้อเองนะแม่นะ เคยได้ยินเรื่องที่เราต้องหาปืนให้สุภาพสตรีไว้ป้องกันตัว (หรือสุภาพบุรุษที่ต้องการพกปืนใส่กระเป๋ากางเกง) แล้วมักจะลงเอยไปหาปืนลูกกรดขนาดจิ๋ว ซึ่งระบบการทำงานง่ายๆ คันบังคับต่างๆ เล็กจนคลุมเครือ ด้ามที่เล็กจนกำไม่ถนัด หลายรายไปซ้อมยิงแล้วถูกปืนกัด ดุกว่าหมาแถวบ้านอีก ถ้ามี เหตุผลว่ายังไงก็ต้องเล็กต้องซุกมิดชิดละก็ผมไม่คัดค้าน แต่ถ้าจะใช้ปืนให้ได้ผลจริงจัง ละก็ผมว่าน่าจะลองจับอะไรที่มันเต็มไม้เต็มมือ อย่างพี 22 นี้ก่อน ปัญหาสุดท้ายที่ผมวินิจฉัยแล้วน่าจะไม่หนักหนาอะไรคือเมื่อยิงไปแล้วสักสองสาม กล่องต่อเนื่องจะเกิดอาการค่อยๆฝืดขึ้นๆ ตอนแรกเราใช้กระสุนรุ่นที่เขม่าควันมากหน่อย ยิงทดสอบชุดแรกไปก็ยังไม่มีอาการ แต่พอยิงกันมากๆ เกิดอาการแจมไม่ป้อนกระสุน สรุปได้ว่าฝืดครับ ล้างเสียหน่อยก็หาย ยิงไปอีกสองกล่องก็เริ่มฝืดอีก ค่อยๆ เป็น จึงจับได้ว่าเขม่าเริ่มมาก ปลอกกระสุน เริ่มดีดใกล้เข้าๆ จนสุดท้ายดีดมาตรงหัวคนยิงเลย ตอนที่ฝืดๆอยู่ผมลองเอาวินเชสเตอร์ หัวแดงใส่เข้าไปก็ยิงต่อได้ไม่ติดขัด เอาอีเลย์-คลับใส่เข้าไปยิงเหมือนลูกเลื่อนเลยครับ ยิงที ดึงลูกเลื่อนที พอล้างทำความสะอาดก็กลับมายิงต่อได้ไม่มีปัญหาอีก น่าจะเป็นเพราะปืนยังใหม่อยู่ด้วย ปืนวอลเธอร์ พี 22 กระบอกนี้เท่าที่ได้สัมผัสมาก็น่าจะได้ผลตรงตามประสงค์ของผู้ผลิต คือยิงเอามัน ใช้สอนคนหัดยิงปืน จะใช้เฝ้าบ้านก็ไม่ผิดกติกาแต่ประการใดเพราะมันชอบกระสุนแรงๆอยู่ด้วย แต่จะใช้พก ไปไหนมาไหนผมว่าคงไม่เหมาะเพราะขนาดก็ไม่ได้เล็กจนพกซุกซ่อนได้ดี ไหนๆจะพกแล้ว ก็ให้มีแรงปะทะมากกว่านี้หน่อย ให้วอลเธอร์ พี 22 ทำสิ่งที่มันทำได้ดีที่สุดคือ รับใช้คนที่ขนาดมือพอดีด้ามนั่นแหละครับ ดีที่สุด l |
||||||||||||||
นิตยสารอาวุธปืน
ฉบับที่ 325 พฤศจิกายน 2544 มีวางจำหน่ายตามแผงหนังสือทั่วประเทศ
|
Copyright
©2000 www.gunsandgames.com
Powered by eighteggs.com