โคลท์ 1911A1 สเตนเลสส์
ม้าคาบศรพันธุ์แท้ขนาด .45

เรื่องราวของปืนแบบโคลท์ 1911 นั้น ผมนับจำนวนบทความในนิตยสารอาวุธปืน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 มาถึงปัจจุบันได้มากกว่า 50 เรื่องที่มีทั้งเรื่องราวทางเทคนิค ทั้งเรื่องแปลและการทดสอบยิง คนที่อ่านหนังสือ อวป. คงจะคุ้นเคยกับปืนแบบนี้ถึงขั้นรู้จักกันดี เพราะไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์เกี่ยวกับปืน ประเด็นทางเทคนิค/การออกแบบ ความหลากหลายที่มีการดัดแปลงปืนไปแล้ว ยังคงเป็นปืนแบบ 1911 และผลการยิงทดสอบที่สะใจทั้งผู้อ่านและผู้ยิงทดสอบแทบจะไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาเล่าสู่ท่านผู้อ่านอีกแล้วครับ แต่จำนวนและความถี่ของบทความนั้นหมายถึงว่าปืนแบบนี้ยังได้รับความนิยมจากนักเล่นปืนอย่างไม่เสื่อมคลาย ผู้คนยังนิยมเล่นกัน ผู้ผลิตปืนก็ยังทำออกมาขายอยู่ตลอดละครับ

รูปด้านซ้ายของปืน เส้นสายของตัวปืนเป็นแบบดั้งเดิม เรียบง่าย สวยแบบเรียบๆ

ข่าวคราวความเป็นไปของปืนแบบ 1911 ยี่ห้อโคลท์นั้นออกจะน่าเป็นห่วง นับตั้งแต่สิทธิบัตรผูกขาดการผลิตปืนแบบ 1911 หมดไปก็มีบริษัทต่างๆ ผลิตออกมาขายโดยไม่ต้องเรียกว่าเลียนแบบอีกต่อไป แต่เป็นการผลิตของที่แบบเป็นสาธารณะ และบริษัทเล็กที่เป็นนักแต่งปืนก็ได้พยายามดัดแปลงเพิ่มคุณค่าเข้าในปืนที่ตนผลิตเพื่อให้มีข้อแตกต่างไปจากของบริษัทอื่นๆ โดยหวังว่าจะสร้างเอกลักษณ์ของตนเองให้เป็นที่รู้จักติดปากลูกค้าให้จงได้

รูปด้านขวาของปืนบอกยี่ห้อ slab side คือข้างเรียบเกลี้ยงเกลา เวลาพกก็ไม่มีอะไรยื่นมามากเหมือนพวกปืนลูกโม่

ลองย้อนมาดูว่าอะไรทำให้เราเรียกปืนกระบอกหนึ่งว่าเป็นแบบ 1911 แน่นอนว่า อย่างแรกคือไกแบบซิงเกิลแอ๊คชั่นที่ลากเข้า มาตรงๆ (ไม่มีแกนจุดหมุนของไก) เข็มแทงชนวนจะถูกกระทบด้วยนกสับที่ดันด้วยสปริง นกสับจากกล่องสปริงที่ถอดได้ และต้องไม่ลืมเซฟหลังอ่อนด้วย ในส่วนของสไลด์ก็มีลำกล้องที่ลดท้ายด้วยห่วงโตงเตง ท้ายลำกล้องล็อก กับภายในของสไลด์ด้วยร่องบากหลายร่อง (ตรงนี้ทำให้แต่งปืนให้ฟิตยากชะมัด) มองดูปืนด้านซ้ายจะมีคันปลดล็อกสไลด์อยู่ข้างหน้า คันเซฟอยู่ข้างหลังพอดีหัวแม่มือขวาและปุ่มปลดแม็กกาซีนอยู่หลังโกร่งไก

จากตรงนั้นมาก็เริ่มมีการแปรรูปแทบจะทุกส่วน บูชปากลำกล้องมีสารพัดแบบ รวมทั้งไม่มีบูชแต่ใช้ลำกล้องหัวโต โครงปืนหลายร้อยแบบในหลายขนาด สไลด์และลำกล้องยี่สิบถึงสามสิบยี่ห้อ และอุปกรณ์เติมเสริมแต่งทุกชิ้นเต็มแคตตาล็อกเล่มโต เริ่มแรกทีเดียวก็จะมีการแต่งปืนให้แม่นยำกว่าปกติ ต่อมาก็ทำให้สวยกว่าเดิมหรือกลับกันแล้วแต่รสนิยม

รูปทรงดั้งเดิมของปืนแบบ 1911 นั้น ตั้งใจให้เป็นปืนทหารใช้ออกรบ การออกแบบต้องมีความบึกบึน แข็งแรง ทนทาน ซึ่งมีผลกับรูปแบบและขนาดของปืน แต่ด้วยความที่ออกแบบมาเมื่อหนึ่งร้อยปีที่แล้ว คนสมัยนั้นจะทำอะไรก็ต้องมีเส้นสายที่อ่อนช้อยปนอยู่ ในสายตาความคิดของเขาเสมอ ดังนั้น แม้ 1911 จะเป็นปืนสงคราม แต่รูปแบบโดยรวม ก็ยังมีเส้นโค้งมนพองาม คือเส้นตรงตามสมัยนิยมและความจำเป็นในการผลิต/การทำงาน เส้นโค้งลดความแข็งของการมอง และเป็นส่วนที่ให้มือจับได้พอเหมาะพอเจาะ

ศูนย์หลังและศูนย์หน้าเป็นแบบธรรมดา ไม่สูงโด่งจนเกี่ยวเสื้อผ้า ไม่เตี้ยจนเล็งลำบาก ไม่มีแต้มสีสันอะไรแต่ให้ภาพศูนย์ ดีเยี่ยมเทียบเท่าศูนย์ยิงเป้าของรุ่นโกลด์คัพ

สำหรับโคลท์ 1991 A1 สเตนเลสส์ กระบอกนี้ก็เป็นไปตามชื่อรุ่น คือรุ่น 1991 นี้ทำออกมาก็ราวๆปี ค.ศ. นั้นละครับ ตั้งใจให้เป็นปืนทหารแบบพื้นๆ ไม่สวิงสวาย แต่ความที่โคลท์เองดัดแปลงเสริมแต่งโมเดล ที่ขายให้ประชาชนไปมากแล้วน่าจะเอามาใส่ไว้ในปืนพื้นฐานของตัวเอง ซึ่งก็คงจะโดนความจำเป็นบังคับด้วยที่ต้องปรับปรุงปืนของโคลท์เองให้ดีขึ้น เพราะในปี 1985 ก็เสีย ตลาดปืนทหารให้ยี่ห้ออื่นไปแล้ว ถัดจากนั้น มาสักพักก็ผลิตรุ่น 1991 A1 นี้ด้วยเหล็กสเตนเลสส์ ซึ่งก็คือปืนกระบอกที่เราได้รับมาทดสอบครั้งนี้ครับ โคลท์ 1991 A1 สเตนเลสส์นี้รูปร่าง และส่วนประกอบเหมือนกับ 1991 A1 แบบรมดำทุกประการ เพียงแต่ต่างกันที่วัสดุที่เป็นเหล็กสเตนเลสส์ ผิวปืนเป็นสีเทาด้านทั้งกระบอก ประกับด้ามเป็นยางแข็งสีดำติดไว้สองข้างไม่หุ้มหน้าด้ามเหมือนรุ่นมาร์คโฟร์ ซีรีส์ 80 จะงอยหลังอ่อนแบบเล็กดั้งเดิมแต่เพียงพอสำหรับกันมือถูกสไลด์หรือนกสับกัด ในการใช้งานปกติ นกสับเป็นทรงหงอนนก ที่ให้ชื่อนกสับแก่ชิ้นส่วนนี้มาแต่ต้น ศูนย์เล็งหน้าติดตาย ศูนย์หลังเคาะซ้าย-ขวาได้ ทั้งคู่ สีดำเฉยๆ ไม่มีการแต่งแต้มสีใดๆ ดูทั่วไปแล้ว เรียบ ดูข้างขวา...เรียบ ดูข้างซ้าย...มีแค่คันบังคับสามรายการที่กล่าวแล้วแต่ก็ยังเรียบ นี่เป็นลักษณะที่ฝรั่งเรียกปืนกระบอกนี้มาแต่ดั้งเดิมเมื่อแรกเข้าแทนที่ปืนลูกโม่ เขาเรียกกันว่า "ปืนแบน" คือ slab side ครับเพราะเมื่อเทียบกับปืนลูกโม่ที่มีโม่โผล่อ้วนออกมา เขาว่าเจ้า "สแลบไซด์" นี้พกพาง่ายกว่าเพราะความแบนของมันนี่เอง ความนิยมอย่างสูงที่ได้รับก็คงจะมาจากการพกง่าย แรงปะทะที่สูงมาก และจำนวนกระสุนก็มากกว่าลูกโม่บรรจุเพิ่มก็เร็ว

รูปร่างของปืนที่มีส่วนของรุ่นซีรีส์ 80 เอนฮานซ์ มาปนด้วยก็มีส่วนหลังของโกร่งไก มีการปาดลงให้นิ้วเข้าถึงไกได้ดีขึ้น และปากบ่อแม็กกาซีนผายเล็กน้อยให้ใส่แม็กกาซีนง่ายขึ้น ที่แปลกสำหรับกระบอกนี้คือตัวไกที่เป็นแบบยาวและมีสกรูสำหรับปรับการยันของไกมาให้ด้วย (ไกยาวคือยาวออกไปข้างหน้าครับ ต้องยืดนิ้วชี้ไปหาเพื่อจะเหนี่ยวไก แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะยืดนิ้วไม่ถึงนะครับ คือว่า ไกสั้นแต่เดิมนั้นน่ะสั้นเสียจนบางคนใช้ข้อนิ้วชี้ในสุดลั่นไก ฝรั่งเองก็ยังงงว่าทำไมทำเสียสั้นอย่างนั้นมาแต่เดิม) แต่การเอนฮานซ์อื่นๆ ไม่ได้ติดมาด้วย ก็มีช่องคายปลอกที่ไม่ได้ปาดเพิ่ม, ใต้โกร่งไกตรงชิดกับหน้าด้ามไม่ได้ปาดเว้าขึ้น, เซฟหลังอ่อนทรงงุ้มลงแบบเดิม และการเซาะร่องกันลื่นบนสไลด์ยังดิ่งลงตรงๆ ผมดูแล้วชอบมากครับ ชอบให้ปืนมันเรียบๆ แบบนี้แหละ เคยเห็นและก็เคยเล่นมาตั้งแต่เป็นเด็ก (ปืนพลาสติก) มีส่วนที่อยากเปลี่ยน ก็คือหลังด้ามที่เป็นห้องสปริงนกสับให้เป็นแบบโค้ง ซึ่งผมก็เปลี่ยนใส่เจ้าโกลด์คัพของผมเองไปแล้ว จะจับดีขึ้นหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่ว่าชอบให้มันดูมีส่วนโค้งตรงนี้เห็นว่าสวยดี


การถอดปืนเริ่มจากตรงนี้ครับ กดหลอด ครอบสปริงหลบบุชชิ่งแล้วหมุนบุชชิ่ง เคล็ดมีอยู่ว่าถ้ามือไม่แข็งพอก็จงหา แปรงสีฟันเก่าเตรียมไว้กดแทนนิ้ว พลาสติกที่ใช้ทำแปรงมันนิ่มไม่ทำให้ปืน เป็นรอยครับ ผมเอาแปรงสีฟันเก่ามาตัด ตะไบทำเป็นเครื่องมือใช้กับปืนหลายชิ้นอยู่เหมือนกัน

ผ่อนหลอดครอบสปริงออกมาอยู่ระยะนี้

การถอดประกอบเพื่อทำความสะอาดเริ่มที่ทำให้แน่ใจว่าปืนไม่มีกระสุน ผมสอนที่บ้านว่านอกจากจะค้างสไลด์แล้วก็ให้ดูด้วยตาด้วย แถมใช้มือคลำด้วยยิ่งดี พวกผมไม่ดึงสไลด์สามทีครับ ใช้คลำเอา จะถอดปืนก็กดหลอดครอบสปริงลำเลื่อนเข้าเล็กน้อยจนพ้นบุชชิ่งแล้วบิดบุชชิ่งไปทางตามเข็มนาฬิกาค้างไว้ ตลอดเวลานี้ต้องจับหลอดครอบไว้ตลอดนะครับ ไม่งั้นมันจะถูกสปริงดันพุ่งขึ้นไปทำให้เพดานห้องเป็นรอยเหมือนของผม ค่อยๆผ่อนสปริงออกมา จากนั้นก็ถอยสไลด์ไปจนบากบนสไลด์ด้านหลังอันที่โค้งเล็กๆตรงกับส่วนโค้งบนคันล็อกสไลด์ ตรงนี้ต้องง้างนกสับไว้ก่อนครับ เคาะตุ่มแกนคันล็อกสไลด์มาจากทางด้านขวาเบาๆก็น่าจะออก แล้วก็เอามือหยิบออกได้แล้ว จากนั้นก็ดันชุดสไลด์/ลำกล้องออกทางด้านหน้าได้ ถึงตรงนี้ระวังอย่าเหนี่ยวไกให้นกสับลั่นมา เพราะมันจะมากระทบกับโครงปืนที่เป็นมุมคม ไม่หักก็โชคดีไป ได้ชุดสไลด์ออกมาแล้วก็แคะสปริงลำเลื่อน และแกนออกมา บิดบุชชิ่งทวนเข็มนาฬิกาจนสลักตรงกับช่องว่างก็ดึงออกมาข้างหน้า ตัวลำกล้องก็ชะลอออกมาข้างหน้าด้วยลำกล้อง จะเข้าจะออกจากสไลด์ก็ให้บิดโตงเตงขึ้นชิดลำกล้องไว้จะได้พ้นสไลด์ ล้างสะอาดจนหนำใจ แล้วก็ประกอบเข้าทางเดิม ระวังปลอกครอบสปริงลำเลื่อนพุ่งชนเพดานเหมือนเดิมครับ

ถอยสไลด์มาให้ร่องด้านข้างขวาตรง กับติ่งบนคันค้างสไลด์

ดันคันค้างลำเลื่อนมาจากด้านขวา คง ต้องใช้คำว่าเคาะ แต่บางกระบอกทำหลายครั้ง แล้วก็ใช้แปรงสีฟันนั่นแหละครับกดเข้าไปมัน ก็จะออกมาข้างนี้แล้วหยิบออก ถ้าฝืดนักก็ใช้ แปรงสีฟันที่ถูกปาดเป็นลิ่มงัดออกมา

นานๆ ผมจะยิง .45 สักที โอ้โฮ ! รูบนเป้ามันโตดีแฮะ โดยปกติผมจะยิงปืน .45 เอซีพีได้แม่นยำกว่าปืนขนาด 9 มม. อาจเป็นได้ว่าปืน .45 ส่วนใหญ่ที่ยิงมักจะเป็นแบบ 1911 นี้ซึ่งแต่งไกให้เบาและยังปลอดภัยได้ง่ายกว่าพวก 9 มม. (1911 ก็มีรุ่นที่ใช้กระสุน 9 มม. นะครับ) ซึ่งบางทีทำไกเบาแล้วสับไม่แตก ซึ่งไกปืน 1911 นั้น จะทำให้เบาได้ไม่ยากถ้ามีเครื่องมือที่เหมาะสม และความเข้าใจในกลไกพื้นฐานของชุดลั่นไก ที่สำคัญคือต้องใจเย็นมากๆครับ ไม่แนะนำให้ทำเองก็เรื่องใจเย็นนี่แหละ เล่นปืนไปสักพักก็จะทราบว่าไกเบาที่สุดไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด แต่เล่นใหม่ๆ ก็มักจะอยากให้เบาสุดๆ เพราะว่ายิงได้กลุ่มดีด้วยไกเบา แต่สำหรับ 1911 นั้นเบาเกินไปไม่ได้ครับ มันจะลั่นเองง่าย

ผมทดสอบกลุ่มกระสุนที่สนามกรมการรักษาดินแดนด้วยกระสุนผลิตในประเทศ บุลเล็ทมาสเตอร์ พาดยิงที่ระยะ 25 เมตร จากนั้นจึงไปทดสอบยิงกันที่สนามราชนาวี บางนา ยืนยิงในระยะ 15 เมตรด้วยกระสุน ทั้งแรงทั้งค่อย กลุ่มกระสุนพาดยิงที่สนาม ร.ด. แสดงให้เห็นศักยภาพความแม่นยำของปืนกระบอกนี้อย่างดี ตอนได้รับมาทีแรกผมสังเกตว่าท้ายลำกล้องฟิตกับโครงสไลด์ค่อนข้างแน่น ซึ่งเป็นสิ่งดีสำหรับความแม่นยำ ตอนแรกก็กลัวว่าปืนจะขัดที่ตรงนี้ แต่ตอนพาดยิงไม่มีปัญหาอะไรเลย ได้กลุ่มแน่นๆ มาฝากให้ดูกัน มีที่แตกกลุ่มก็เป็นเพราะความตื่นเต้นของผู้ยิงที่มีพนันติดปลายนวม สำหรับผู้มาช่วยยิงร้อยรูไปสาม..แตกร้อยรูไปสี่..แตกไม่ได้ร้อยรูครบห้านัดสักทีเลยเลิก

ดึงชุดสไลด์และลำกล้องออกไปทางด้านหน้า ถึงตรงนี้ระวังอย่าเหนี่ยวไกให้นกตกเข้าเซฟไว้ก็ดีครับ

ถอยสปริงลำเลื่อนออกทางด้านหลัง แกนสปริงสั้นจู๋แต่ก็ใช้การได้ดีมาเก้าสิบปี

กลุ่มกระสุนที่พาดยิง 25 เมตรได้ ผมเห็นว่าน่าประทับใจมากเพราะยิงได้จากแท่นพาดตามมีตามเกิด และศูนย์เล็งที่เป็นมาตรฐานปืนทหาร คือต้องไม่ใหญ่โตเกะกะการชักออกมาใช้งาน แต่ศูนย์มาตรฐานที่ติดมากับโคลท์ 1991 A1 สเตนเลสส์ กระบอกนี้เล็งแล้วให้ภาพศูนย์เหมือนกันกับของโคลท์ โกลด์คัพ ไม่มีผิดเพี้ยน ทำเอาผมตะหงิดๆ เพราะซื้อปืนมาตั้งแพงมาเจอปืนพื้นๆ ที่ทำอะไรได้เหมือนกันหมดแถมจะแม่นกว่าเอาเสียอีก เลยต้องทำใจว่าปืนจะแม่นอยู่ที่คนยิงนะครับ ไม่ได้อยู่ที่ของ


ดึงลำกล้องออกไปด้านหน้า กดโตงเตงขึ้น หลบให้พ้นส่วนล่างของสไลด์

บิดบุชชิ่งมาทางนี้ สลักจะพ้นล็อกถอดออกมาได้

มาถึงการยืนยิงด้วยทีม อวป. ปรากฏว่า โคลท์ 1991 A1 สเตนเลสส์ เกิดไม่ชอบกระสุนเบาๆขึ้นมาเสียแล้ว เกิดอาการแจมแบบปล่องควันไฟอย่างที่ฝรั่งเรียกกัน (stove pipe jam) คือแรงดันกระสุนอ่อนก็จะดันสไลด์ไปไม่สุด ปลอกกระสุนที่ยิงแล้วไม่ทันออกไปพ้นช่องก็โดนสไลด์ดันกลับมาคาบไว้ดูเหมือนปล่องควันไฟ แต่พอใช้กระสุนหัวแดง หรือกระสุนแรงสูงแล้วจะไม่มีปัญหานี้หรืออื่นๆ ทั้งสิ้น เลยได้ข้อสรุปว่าปืน 1991 A1 นี้ทำมาเป็นปืนต่อสู้ที่ใช้กระสุนแรงสูงเพื่อหยุดยั้งคู่ต่อสู้ เมื่อยิงรันอินไปกล่องกว่าๆ ก็เข้าที่ คณะผู้ทดสอบต่างชอบใจในการลั่นไก การกระจายแรงรีคอยล์ซึ่งไม่ว่าจะใช้กระสุนแรงเพียงใดก็สามารถควบคุมปืนได้ดี


ถอดโคลท์ 1991 A1 สเตนเลสส์ มาล้างทำความสะอาดควรจะเห็นชิ้นส่วนเท่านี้ครับ

การป้อนกระสุนทำได้ดีไม่มีติดขัด ในส่วนของลาดป้อนกระสุนเข้ารังเพลิง ซึ่งก็มีอยู่สั้นนิดเดียวเพราะใช้ส่วนของโครงปืนรับกันอยู่ มีร่องอยู่ตรงกลางลึกลงไปนิดหน่อย อาจจะมีผลช่วยนำทางให้หัวกระสุนเข้ารังเพลิง ได้ลองนึกดูถึงหัวกระสุนที่ค่อนข้างเรียวแหลมก็จะกดเข้าร่องนี้นำมาก่อน เรื่องการปาด มุมลาดเพื่อให้กระสุนป้อนง่ายไม่ติดขัดนี้ก็ต้องระวังนะครับ ไม่แน่เสมอไปว่าหัวกระสุนจะชอบมุมที่ลาดมากขึ้น ซ้ำร้ายยิ่งปาดมากท้ายปลอกกระสุนก็ยิ่งโผล่มาก ทำให้มีโอกาสที่ปลอกกระสุนจะแตกเพราะไม่มีส่วนของรังเพลิงมารองรับเป็นไปได้มากขึ้น


เหลือไม่กี่ชิ้นที่ไม่ได้ถอด เพราะต้องออกแรงกลัวเป็นรอย ก็มีศูนย์หน้าหลังที่ต้องตอกออก โตงเตงลำกล้องที่ตอกอัดไว้แน่นพอควร แม็กกาซีนที่แผ่นล่างอัดปิดไว้เรียบร้อย ตัวนกสับกับแกนสปริง เรือนสปริงนกสับ ตัวเตะปลอก และหลอดสปริงดันคันเซฟ/คันปลดล็อกสไลด์ เอ๊ะ ! เยอะเหมือนกัน ลองนับดูสิครับว่าทั้งหมดมี่ชิ้น

ลูกสาวผมถูกใช้ให้ช่วยจัดไฟส่องตอนถ่ายรูปเห็นกระบอกนี้เรียบสวยงามดีก็ขอลองยิง พอให้ลองดึงสไลด์ปรากฏว่าดึงไม่ขยับ ปืนที่ใช้กระสุนขนาดใหญ่หรือแรงสูงก็จะมีแรงรีคอยล์หรือถีบมาก สำหรับปืนออโตนั้นสปริงรีคอยล์ก็ต้องแข็งตามไปด้วย ทำให้ผู้ที่แรงแขนหรือมือน้อยๆ มักจะดึงสไลด์ถอยหลังเพื่อขึ้นลำเลื่อนง้างนกได้ลำบาก ยิ่งปืนอยู่ในสถานะสไลด์ค้างเมื่อกระสุนหมดแม็กกาซีนด้วยละก็จะต้องใช้แรงมากเป็นพิเศษ เนื่องจากสปริงถูกอัดจนเกือบสุดทางแล้ว พกพาปืนไม่มีกระสุนในรังเพลิงเวลาผู้ร้ายมาพาลจะเอากระสุนเข้ารังเพลิงเพื่อยิงไม่ได้ จะบรรจุกระสุนไว้ในรังเพลิงตลอดเวลาก็หวาดเสียว เซฟก็เซฟเถอะครับ กลไกทั้งหลายนั้นย่อมมีวันสึกหรอหรือโดนอะไรเข้าก็ปลดเซฟได้


A-B-C. ท่าดึงสไลด์ แบบ "คีบ" ตั้งแต่นำปืนขึ้นมาจากที่เก็บเฉียงมาครึ่งทางก็ใช้มือขวา/ไหล่ขวาดันตัวปืน มือซ้ายจับมั่นๆ ปืนได้แนวเล็งแล้วค่อยเอานิ้วชี้สอดเข้าโกร่งไกแบบนี้ตอนเริ่มต้น ตัวเราหันตรงเป้ามากหน่อย
D-E-F. ท่าดึงสไลด์ แบบ "ครอบ" ตอนเริ่มครอบสไลด์ต้องหันตัวไปทางขวาให้แนวปืนชี้ไปทางที่มองเป้า ถ้าอยู่ที่สนามยิงปืนจะได้ไม่ยิงเอาช่องข้างซ้ายโดยไม่เจตนา แบบนี้มือซ้ายมีที่จับปืนมั่นคงกว่า แต่พอนำปืนเฉียงมาครึ่งทางก็ใช้มือขวาดัน

เวลาจะดึงลำเลื่อนเพื่อง้างนกและป้อนกระสุน ก็ใช้มือขวากำปืนมือซ้ายจับสไลด์ดึงมาข้างหลัง ตรงนี้มีวิธีทำได้อยู่สองวิธี วิธีแรกใช้มือซ้าย "คีบ" สไลด์ตรงที่เซาะร่องกันลื่นไว้ นิ้วหัวแม่มือซ้ายจับทางขวาของปืน นิ้วชี้ (และบางทีนิ้วกลางก็ช่วยจับถึง) จับทางซ้าย แบบนี้ถ้าอยู่ที่ช่องยิงในสนามยิงปืน เราสามารถยืนหันหน้าตรงไปที่เป้า ชี้ปืนไปที่เป้า ตะแคงปืนลงทางซ้ายเพื่อให้มือซ้ายจับส่วนหลังของสไลด์ได้ถนัด อีกวิธีหนึ่งคือใช้มือซ้าย "ครอบ" สไลด์ตรงที่เซาะกันลื่น นิ้วหัวแม่มือซ้ายจะจับทางซ้ายของปืน นิ้วทั้งหมดที่เหลือจะจับอยู่ทางขวา แบบนี้ใช้หลายๆนิ้วจะได้แรงมากขึ้น อยู่ในช่องยิงจะทำอย่างนี้ต้องตะแคงตัวหันไปทางขวา เพราะท่าตามธรรมชาติเมื่อยืนหันหน้าตรงไปที่เป้า ปืนจะหันไปทางซ้าย จำไว้เสมอว่าต้องระวังทางปืนให้ชี้ไปทางปลอดภัยหรือที่ต้องการเสมอ

G. แบบครอบที่ต้องหันตัวมาทางขวา แนวปืนจะได้ตรงหน้า ถือปืนชิดตัวกว่าในรูปสักหน่อยก็ได้ครับ ที่สนามยิงปืนมีคนมาให้ช่วยดึงปลดสไลด์ที่ค้างตอนยิงหมดแม็กกาซีนแล้ว มันแข็งดึงไม่ขยับ ถามได้ความว่าใส่สปริงแข็งมาแถมด้วยใส่ยางกันกระแทก ทีนี้ก็เลยแทบไม่เหลือระยะให้ดึงสไลด์ถอยหลัง ก็ต้องใช้วิธีนี้ละครับดึงสไลด์ปลดล็อก ให้ทำเป็นแยกเขี้ยวเล็กน้อยเหมือนกับแข็งแรงมาก เปล่าหรอกครับ ซ้ายจับมั่นๆ ดันไหล่ขวาไปข้างหน้าก็ได้เรื่อง H. แบบคีบ ที่ตัวปืนจะเอียงไปทางซ้าย ให้มือซ้ายจับถนัดหน่อย สำหรับที่ถนัดซ้ายก็ทำกลับ ข้างกันนะครับ

วิธีที่สองนี้ สำหรับคนที่แรงน้อยหน่อยอย่างดาวิษา แต่แล้วเมื่อยังไม่ไหวก็ให้ง้างนกช่วยไว้ก่อน สปริงนกสับนี่ก็ไม่ใช่เบานะครับ... ง้างนกแล้ว ก็ยังไม่ไหวอีก ! อย่างนี้ต้องเปลี่ยนจากดึงสไลด์มาเป็นดันสไลด์แล้วละครับ ใช้มือขวาดันครับ มือซ้ายนั้นจับสไลด์ไว้เฉยๆให้แน่น ออกแรงดันมือขวาออกไป ซึ่งอาการนี้คนเราจะใช้หัวไหล่ดันโดยไม่รู้สึกตัว แบบนี้คือใช้แรงทั้งตัว ไม่ได้ใช้แค่แขน จะตีกอล์ฟ ตีเทนนิส หรือยิงธนู ก็แบบเดียวกันที่แหละครับ

คุณบัณฑุ ศรีธัญรัตน์ ผู้เขียน ยืนยิงระยะ 15 เมตร กลุ่มก็ยังเต็มร้อยได้สบาย

ข้อสรุปของ โคลท์ 1991 A1 สเตนเลสส์นี้ชัดเจนว่าเป็นปืนต่อสู้ที่สมบุกสมบันที่สุด เดิมๆของเขาก็อึดอยู่แล้ว ยิ่งได้โครงสร้างเป็นสเตนเลสส์ก็ยิ่งไปไหนไปกัน แถมด้วยนิสัยชอบกระสุนที่แรงก็ยิ่งตอกย้ำการใช้งาน แต่ถึงแม้จะไม่เน้นการใช้เป็นอาวุธอย่างหนัก ก็สามารถใช้เป็นจุดเริ่มต้นของปืนซิ่งให้สวยงาม ตามแต่รสนิยมของแต่ละบุคคล ความจริงโคลท์นั้นเลิกผลิตปืนดีๆไปหลายรุ่น ห้างฯ ปืนราชา รวบรวมของดีๆที่กำลังจะหมดไปรุ่นนี้ มาบริการแก่คนที่ต้องการปืนเรียบง่ายบึกบึน ทางห้างฯเคาะราคาไว้ที่เก้าหมื่นต้นๆครับ โทร. (02) 2221254.

นิตยสารอาวุธปืน ฉบับที่ 322 สิงหาคม 2544 มีวางจำหน่ายตามแผงหนังสือทั่วประเทศ

Copyright ©2000 www.gunsandgames.com Powered by eighteggs.com