เทารัส พีที 915
ปืนสั้นออโตคอมแพ็ก ลูกดก
ประกันคุณภาพด้วยเครื่องหมายกระทิงดุ

อาวุธปืนที่มีชื่อว่า "เทารัส" ปรากฏอยู่บนแผนที่แห่งโลกอาวุธปืนมานานพอสมควร แต่ความเชื่อถือศรัทธาของนักนิยมปืนที่มีต่อ อาวุธปืนยี่ห้อนี้เพิ่งมาติดอันดับอยู่ในกลุ่มอาวุธชั้นนำของโลกในระยะหลังๆ นี่เอง เพราะอาวุธปืนของเทารัสซึ่งมีทั้งปืนสั้นลูกโม่ และปืนสั้นออโตเป็นหลัก ได้รับการพัฒนาขึ้นมาให้ทันสมัยอย่างมากมายจนผิดหูผิดตา ในช่วงรอยต่อระหว่างคริสตศตวรรษที่ 20 และ 21 ที่เพิ่งจะผ่านพ้นมาไม่นาน เทารัส ไม่เพียงแต่จะปรับปรุงปืนสั้นในแง่รูปร่างและกลไกปฏิบัติการเท่านั้น แต่ยังศึกษาค้นคว้า นำโลหะหรือวัสดุใหม่ๆมาใช้ทำปืนเพื่อให้ เกิดความแข็งแรง ทนทาน และมีน้ำหนักเบาขึ้นอีกด้วยครับ

รูปด้านซ้าย เต็มตัวของเทารัส พีที 915

แรกเริ่มเดิมทีบริษัทปืนเทารัสผลิตปืนสั้นลูกโม่ตามแบบอย่างของปืนลูกโม่ของสมิธแอนด์เวสสัน และผลิตปืนสั้นออโตตามแบบอย่างปืนออโตโมเดล 92 ของเบเร็ตต้าเสียส่วนใหญ่ สำหรับเหตุผลในเรื่องนี้เคยมีผู้ให้คำอธิบายไว้แล้ว ผู้เขียนจะไม่ขอกล่าวเน้นย้ำซ้ำอีกครั้งนะครับ ดังนั้น ผู้ใช้ปืนที่ไม่สู้คุ้นเคยกับอาวุธปืนมากนัก เกือบร้อยทั้งร้อยเมื่อเห็นปืนลูกโม่ของเทารัส ก็มักเข้าใจว่าเป็นปืนลูกโม่ของสมิธแอนด์เวสสัน เมื่อเห็นปืนสั้นออโตของเทารัสก็มักเข้าใจว่าเป็นปืนออโตของเบเร็ตต้า สำหรับผู้เขียนเองจะสังเกตความแตกต่างระหว่างปืนลูกโม่สองยี่ห้อ ดังกล่าวตรงที่รูปร่างของไกปืน ส่วนความแตกต่างระหว่างปืนออโตสองยี่ห้อนั้น ดูที่แก้มประกับด้ามปืนและคันนิรภัย เพราะลำเลื่อนด้านบนเปิดโล่งเหมือนกันทั้งคู่อยู่แล้ว

รูปด้านขวา เต็มตัวของเทารัส พีที 915


อย่างไรก็ตาม ปืนสั้นออโตของเทารัสและของเบเร็ตต้าใช่ว่าจะเหมือนกัน แทบทุกแบบทุกรุ่นก็หาไม่ มีอยู่หลายรุ่นที่แตกต่างกันไปเลย โดยต่างฝ่ายต่างก็คิดค้นพัฒนาขึ้นมาเองต่างหาก แต่รูปทรงโดยรวมก็อดที่จะละม้ายคล้ายถึงกันไม่ได้อยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะปืนสั้นออโตที่ใช้กระสุนขนาด 9 มม. ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานต่อสู้ป้องกันตัวของทั้งเบเร็ตต้ากับของเทารัส แทบจะถอดแบบออกมาจากกันและกันได้เลยทีเดียว ต่อเมื่อเปลี่ยนเป็นรุ่นคอมแพ็ก ก็เริ่มมีแผนแบบเปลี่ยนไปจากเดิม ส่วนจะเปลี่ยนไปอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับแนวความคิดของวิศวกรผู้ออกแบบของแต่ละยี่ห้อ บางรุ่นก็เปลี่ยนจากลำเลื่อนแบบเปิดโล่งเป็นแบบปิดทึบตามปกติธรรมดาทั่วไป ระบบขัดกลอนก็เปลี่ยนจากแบบแท่งกระดกเป็นแบบท้ายลำกล้องลดต่ำลง โดยใช้ทางลาดเอียงของแท่งใต้ลำกล้อง ดังตัวอย่างของปืนเทารัส รุ่นพีที 908 เป็นต้น สำหรับเบเร็ตต้าเอง นอกจากปืนออโต โมเดล 92 จะมีรุ่นคอมแพ็กแล้ว บริษัทฯยังได้พัฒนาปืนคอมแพ็กขึ้นมาอีกรุ่น คือรุ่นซีรีส์ 8000 คูการ์ แต่อาศัยระบบลำกล้องหมุนขัดกลอนแทนระบบแท่งกระดก และลำเลื่อนก็ปิดทึบด้วย

หากจะพิจารณาปืนออโตที่เป็นแบบคอมแพ็กจริงๆของเทารัส ก็คงจะเป็นรุ่น พีที 908 ดังได้กล่าวมาแล้ว และผู้เขียนได้ทำการทดสอบในหนังสืออาวุธปืน ฉบับที่ 237 เดือนกรกฎาคม 2537 ซึ่งหมายเลขโมเดล หรือรุ่นของปืนก็สื่อความหมายได้ดีเพราะเป็นปืนออโตขนาด 9 มม. แม็กกาซีนบรรจุได้ 8 นัดเท่าที่ผู้เขียนจำได้ เห็นว่ารูปทรงของปืนออกแบบได้ลงตัวสวยงามไม่น้อยเลย

เมื่อจะถอดปืน กดปุ่มปลดแม็กกาซีนดังภาพ แล้วดึงลำเลื่อนถอยหลัง ตรวจดูท้ายรังเพลิงว่าไม่มีกระสุน

กดปุ่มปลดล็อกคัน ถอดลำเลื่อนที่อยู่ทางด้านขวาโครงปืนลงไป

อย่างไรก็ดี ผู้ใช้ปืนบางคนอาจจะไม่ค่อยพิสมัยทรงด้ามค่อนข้างเล็กและแบน แถมมีรสนิยมปืนลูกดกเข้าไปอีก ก็อาจจะไม่รู้สึกเสน่หาปืนพีที 908 ก็ได้ หรือด้วยเหตุอะไรก็ตามที แฟนเทารัสส่วนให่ญยังคงชอบด้ามปืนค่อนข้างอ้วนกลม แม็กกาซีนแบบสองแถว บรรจุกระสุนได้มากขึ้นกว่าด้ามผอมแบน บริษัททำปืนเทารัสเข้าใจถึงความต้องการของผู้ใช้ปืนตรงจุดนี้ จึงได้นำปืน เทารัส พีที 915 ออกสู่ตลาด จัดว่าเป็นรุ่นพีที 908 ลูกดกก็ได้ครับ เพราะปืนยังรักษาลักษณะความเป็นปืนคอมแพ็กไว้ได้เช่นเดิม เพียงแต่ด้ามอวบขึ้นเท่านั้น ส่วนจะถูกตาถูกใจผู้ใช้ปืนมากน้อยเท่าใดก็อยู่ที่ตาใครตามัน นะครับ

ลักษณะรูปร่างของเทารัส พีที 915 ส่วนหนึ่งละม้ายคล้ายกับปืนซิก พี 229 และเมื่อนำไปเทียบกับซิก 228 ของ ผอ.สุวิทย์ มีขนาดมิติใกล้เคียงกันมาก เกือบจะทาบทับกันได้เสมอพอดีแทบทุกส่วนสัดเลยครับ แต่เทารัส 915 ได้เปรียบตรงที่มีคันนิรภัย หัวแม่มือ แถมติดตั้งไว้กับส่วนท้ายโครงปืนให้ใช้ได้สะดวกด้วย รูปทรงโดยทั่วไปดูแข็งแรง บึกบึน การรมดำด้านเป็นแบบมาตรฐานปืนชั้นดีจากยุโรป แม้จะเป็นปืนจากประเทศอเมริกาใต้ ที่มีพลเมืองพูดภาษาปอร์ตุเกสก็ตาม

พร้อมกับบิดคันถอดลำเลื่อนให้ชี้ลงข้างล่าง

ชุดลำเลื่อน-ลำกล้อง จะขยับเลื่อนไปข้างหน้า สามารถถอดออกจากโครงปืนไปทางด้าน หน้าตามปกติ

เทารัส พีที 915 หมายเลขโมเดลสื่อความหมายว่าเป็นปืน 9 มม. แม็กกาซีนบรรจุได้ 15 นัด คล้ายๆกับสมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 915 เช่นกัน แต่ว่าปืนออโตสองยี่ห้อนี้มีรูปร่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะฉะนั้นหมายเลขโมเดลตรงกัน ไม่ได้หมายความว่าปืนสองยี่ห้อนี้พัฒนามาจากพื้นฐานเดียวกันก็ได้ เมื่อเปรียบเทียบกับเทารัส พีที 908 แล้ว โครงปืนของทั้งสองโมเดลแตกต่างกันตรงที่หลังด้ามของพีที 908 มีความโค้งตามอุ้งฝ่ามือมากกว่า ในขณะที่ พีที 915 ค่อนข้างเป็นแนวตรง อาจจะเป็นการชดเชยที่ด้ามมีความอวบมากขึ้นก็ได้ครับ อีกส่วนหนึ่งปืนพีที 915 มีโครงปืนส่วนหน้า ซึ่งเป็นครอบกันฝุ่นใต้ลำเลื่อนยาวตลอด เสมอกับปลายลำเลื่อนตรงปากกระบอก ซึ่งกำลังจะเป็นลักษณะที่นิยมกันในระหว่างผู้ผลิตอาวุธปืนทั้งหลาย โดยเฉพาะปืนที่ใช้ยิงแข่งขันแอ๊คชั่นชู้ตติ้งประเภทต่างๆในปัจจุบัน โครงปืนของเทารัส 915 ดูเผินๆคล้ายกับว่า ทำด้วยเหล็กกล้ารมดำ เพราะกลมกลืนกับเหล็กรมดำของลำเลื่อนดีมาก แต่พอพิจารณาดูจริงๆ จึงทราบว่าเป็นอะลูมินั่มผสมแต่งผิวแบบรมดำตามปกตินั่นเอง จะงอยเหนือง่ามมือหลังด้ามอาจดูสั้นไปนิดเพราะเป็นปืนคอมแพ็ก ครั้นพอดูที่หน้าโกร่งไก กลับทำเป็นเหลี่ยมเพื่อให้นิ้วชี้ของมือที่ช่วยประคองปืนเกาะเกี่ยวได้ถนัดเพิ่มขึ้น เหมาะสำหรับยิงในลักษณะคอมแบ็ทอีกรูปแบบหนึ่ง

คราวนี้มาดูที่ลำเลื่อน-ลำกล้องบ้าง ลำเลื่อนทำด้วยเหล็กกล้ารมดำด้าน หนาและดูแข็งแรงคล้ายกับลำเลื่อนของซิก พี 229 ยิ่งดูที่ช่องคายปลอกและสันบนลำเลื่อนที่ค่อนข้างราบเรียบก็ยิ่งเหมือนเข้าไปอีกครับ สันและร่องสำหรับจับกันลื่นตอนขึ้นลำ ก็เหมือนกับปืนสั้นออโตของซิก-เซาเออร์ ใบศูนย์หน้าเป็นแบบยอดราบ หน้าลาดเฉียง หลังตัดฉาก มีจุดขาว 1 จุด ส่วนศูนย์หลังเป็นแบบโนแว็ก มีจุดขาว 2 จุด ขอรั้งปลอกกระสุนดูแปลกพิเศษก็คือ ปลายตะขอมีขนาดใหญ่กว่าปืนสั้นออโตส่วนมาก ซึ่งนอกจากจะไว้เนื้อเชื่อใจในเรื่องการดีดปลอกกระสุนแล้ว ยังแข็งแรง ทนทาน ไม่หักบิ่นง่ายๆอีกด้วย

หงายลำเลื่อนมา เทียบเคียงกับด้านบนโครงปืน

จับลำเลื่อนในท่าหงายขึ้น ผลักท้ายแกนสปริงไปข้างหน้าแล้วยกขึ้น ผ่อนแรงตามสปริงออกไปทางด้านหลัง

ส่วนลำกล้องเป็นเหล็กชุบขาว ภายนอกของส่วนที่เป็นรังเพลิงทำเป็นแท่งทรงสี่เหลี่ยมและใช้เป็นส่วนขัดกลอนกับลำเลื่อน เช่นเดียวกับลำกล้องของซิกและกล็อก มีทางลาดป้อนกระสุนติดกับท้ายรังเพลิง ฮูดลำกล้องท้ายรังเพลิงส่วนบนทำเป็นแท่งสี่เหลี่ยมกันจริงๆ ยื่นออกไปทางด้านหลัง เห็นกันชัดๆเลยละครับ ใช่แต่เท่านั้น ปลายลำกล้องแทนที่จะเป็นแบบหัวโต คอคอด หรือหัวค่อยๆโตไปหาปากลำกล้อง กลับทำเป็นสันหรือแหวนรัดปลายลำกล้อง แต่เป็นสันไม่สูงนัก ทำหน้าที่แทนบูชลำกล้อง ซึ่งตามปกติจะติดอยู่ภายในปลายลำเลื่อน กลายเป็นบูชติดตายกับปลายลำกล้องเสียเอง ข้อดีคือถ้าจะฟิตปลายลำกล้องเข้ากับลำเลื่อนก็อ๊อกพอกสันตรงนั้น แล้วกลึงให้ฟิตพอดีกับลำเลื่อนก็สามารถเพิ่มความแม่นยำขึ้นได้ เหมือนกัน แต่นี่เป็นข้อคิดทางทฤษฎีเท่านั้น พอทำเข้าจริงปลายลำกล้องถูกความร้อนจากการเชื่อมพอกอาจทำให้ขนาดรูลำกล้องเปลี่ยนไป กลุ่มกระสุนอาจเหมือนลำกล้องที่ถูกก้านแส้แยงลำกล้องครูดจนสึกหรอก็ได้นะครับ

หยิบเหล็กใต้ลำกล้องยกขึ้น แล้วดึงออกจากลำเลื่อนไปทางด้านหลัง

ระบบลั่นไกและคันบังคับกลไกต่างๆ เหมือนกับปืนเบเร็ตต้า 92 เกือบหมด ยกเว้นคันนิรภัยกับปุ่มปลดแม็กกาซีนเท่านั้นที่ ผิดเพี้ยนกันบ้าง ที่แตกต่างไปอีกจุดก็คือหงอนนกสับไม่เจาะรู ระบบนิรภัยมีครบครัน ตามมาตรฐานปืนสมัยนี้ ประกอบด้วยสมอล็อกเข็มแทงชนวน คันนิรภัยทำหน้าที่เป็นคันลดนกได้ด้วย จะเข้าเซฟแบบค็อกแอนด์ล็อก (ง้างแล้วล็อกค้างไว้) หรือจะล็อกไว้หมด ขณะลดนกก็ได้ครับ เหนี่ยวไกให้นกสับขยับ เล่นได้นิดหน่อยเท่านั้น ไม่ใช่แบบที่พอเข้าเซฟ แล้วก็เหนี่ยวไกวืดไปเฉยๆ

ชิ้นส่วนที่ต้องถอดออกมาทำความสะอาดหลังยิงทุกครั้งมีเพียงเท่านี้

เมื่อดึงลำเลื่อนถอยหลัง หรือบริหาร กลไกต่างๆดู ปรากฏว่าคล่องตัวตามปกติไม่มีส่วนไหนสะดุด เพียงแต่ไกซิงเกิลแอ๊คชั่นหนักไปหน่อยเพราะวัดได้ถึง 7 ปอนด์ ถ้าออกจากโรงงานได้ราว 4-4.5 ปอนด์ ก็อาจจะไม่ต้องไปแต่งให้เสียเวลาก็ได้ ศูนย์ปืนเล็งได้ถนัดชัดเจนดีตามปกติ เพราะปืนรุ่นใหม่ๆในปัจจุบัน ศูนย์เล็งได้ง่าย จับภาพศูนย์ได้ชัดเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แถมมีจุดขาวช่วยในสภาพที่มีแสงน้อยให้เกือบทั้งนั้น ผู้เขียนมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการเล็งศูนย์ที่มีระบบจุดขาว 3 จุด (หน้าหนึ่งจุด หลังสองจุด) คือถ้าจะเล็งยิงประณีตในสภาพแสงปกติ อย่าไปสนใจเล็งศูนย์ที่จุดขาว เพราะปืนอาจกินสูงไปนิด หรือต่ำไปหน่อยเสมอ ไม่มากก็น้อย ให้เล็งจัดศูนย์ในร่องบากตามปกติจะให้ผลดีกว่า ส่วนในสภาพโพล้เพล้ การเล็ง ประณีตทำได้ยากอยู่แล้ว ต้องอาศัยจุดขาวที่เขาอุตส่าห์ทำไว้ให้เล็ง ก็ควรใช้บริการของเขาหน่อยก็แล้วกันนะครับ แต่ถ้ามืดมิดเข้าจริงๆ จุดขาวธรรมดาก็ทำอะไรไม่ค่อยได้ ต้องอาศัยศูนย์ทริเที่ยมต่อไปอีกขั้นหนึ่งครับ แต่ศูนย์ทริเที่ยมเองก็มีอายุใช้งานเพียง 12 ปีหรือราวๆนั้น ผู้เขียนเลยคิดเพ้อเจ้อตามประสาว่า ต่อไปอาจมีผู้คิดทำลวดร้อนแดงขนาดเล็กติดที่ศูนย์ขึ้นมาใช้ก็ได้ เผลอๆอาจใช้จุดบุหรี่แทนไฟแช็กได้ด้วย ใครจะรู้ ? เพราะยุคนี้เป็นยุคไฮ-เทค อะไรๆก็คิดทำขึ้นมาใช้ได้ ในที่สุดปืนก็อาจเป็นทั้งเครื่องช็อตไฟฟ้าและปืนใช้ยิงตามธรรมดาในเวลาเดียวกัน

แต่ถึงอย่างไร เทารัส พีที 915 ก็มี จุดขาวไว้ให้แล้ว ส่วนจะใช้หรือไม่ใช้ จะใช้ตอนไหนดี ก็สุดแท้แต่เจ้าของปืนพิจารณาเอาเอง ถ้าจะว่ากันไปแล้ว ปืนกระบอกนี้ก็มีอะไรเตรียมพร้อมไว้ให้ไม่น้อยหน้ายี่ห้อใดๆ จึงขึ้นกับผู้ยิงว่าจะฝึกฝนยิงให้ชำนาญแค่ไหนเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นก็ต้องยิงดูตามธรรมเนียมปฏิบัติว่าแกะกล่องออกมายิงแล้ว เป็นอย่างที่คิดไว้หรือไม่

ดร.เทียนชัย ผู้เขียนยืนยิงทดสอบที่ระยะประมาณ 15 เมตร
เป้าซ้ายยิงด้วยกระสุนบุลเล็ทมาสเตอร์ และเป้าขวายิงด้วยกระสุนวินเชสเตอร์

การยิงทดสอบ เมื่อตรวจสอบกลไก และทำความสะอาดเบื้องต้นแล้ว ก็บรรจุกระสุนเข้าแม็กกาซีน ไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ ผู้เขียนเริ่มออกไปยืนยิงก่อนที่ระยะประมาณ 12-15 เมตร เพราะเป็นปืนคอมแพ็ก ลำกล้องยาวเพียง 3 3/4 นิ้วเท่านั้นเอง จากการยิงประมวลผลด้วยกระสุน 2-3 ชนิด กับผู้ยิงทดสอบทุกท่านในคณะ ปรากฏว่าปืนทำกลุ่มกระสุนอยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีมาก ขึ้นอยู่กับชนิดกระสุนและสายตาผู้ยิงแต่ละคน ปืนทำงานเรียบร้อยดีไม่มีติดขัด หรือแม้แต่จะสะดุดชะงักก็ไม่มีเลยครับ นับว่าเป็นปืนสั้นออโตคอมแพ็กที่น่าเชื่อถือไว้วางใจได้มากยี่ห้อหนึ่ง ท่านจะชอบหรือไม่ชอบอย่างไร โปรดไปดูตัวจริงได้ที่ห้างฯ ปืนแสงทอง เลขที่ 37 ถ.บูรพา ตรงข้ามอาคารดิโอลด์สยามพลาซ่า กรุงเทพฯ 10200 ราคาสี่หมื่นเศษ หรือโทรศัพท์ 221-7808, 225-2428 สอบถามดูก่อนก็ได้ครับ.

นิตยสารอาวุธปืน ฉบับที่ 321 กรกฎาคม 2544 มีวางจำหน่ายตามแผงหนังสือทั่วประเทศ

Copyright ©2000 www.gunsandgames.com Powered by eighteggs.com