ดรูล็อฟ
97 MSU ลูกกรดยิงเป้าเหล็ก ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง เชก กับ สโลวัก เป็นสองประเทศแยกกัน หลังสงครามถูกรัสเซียบุกเข้ายึดแล้วบังคับให้รวมเป็นประเทศเดียว คือเชกโกสโลวาเกีย ต่อมาหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียตผู้เป็นพี่ใหญ่แห่งค่ายคอมมิวนิสต์ ประเทศเชกโกสโลวาเกียก็แยกตัวเป็นสาธารณรัฐเชก กับ สโลวัก กลับไปเหมือนเมื่อยุคก่อนสงคราม... คำกวีสุนทรภู่ท่านว่า "สารพันผันแปรไม่แท้เที่ยง..." แม้แต่ระดับโลกยังมีการรวมการ แยกและเปลี่ยนชื่อประเทศ ไม่จีรังยั่งยืน มนุษย์เราเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเล็กๆบนโลกนี้ อยู่กันไม่กี่สิบปีก็ตาย จะยึดติดกับลาภยศ ชื่อเสียงก็รังแต่จะนำมาซึ่งความทุกข์ครับ พระท่านว่าให้ปล่อยวางเสียบ้างสบายใจ
สาธารณรัฐเชก เป็นแหล่งผลิตปืนชั้นนำของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก ปืนจากประเทศนี้ที่เรารู้จักกันดีคือ ซีแซดลูกกรดยาว ที่ขายในราคาถูกกว่าปืนจากเยอรมัน หรือสหรัฐอเมริกาแบบครึ่งค่อน แต่คุณภาพสูงเทียบชั้นได้กับปืนที่ราคาแพงกว่าเป็นเท่าตัว หรือปืนสั้นซีแซด 75 ขนาด 9 มม. พาราฯ เหล็กล้วน เป็นที่ยอมรับในด้านความทนทานและแม่นยำ การที่ประเทศหนึ่งจะผลิตอาวุธปืนคุณภาพสูงระดับนี้ได้ต้องมีอุตสาหกรรมพื้นฐาน คือสามารถผลิตเหล็ก ชั้นดีได้ มีเครื่องมือเครื่องจักร และมีช่างฝีมือที่ชำนาญการเฉพาะด้าน ที่สำคัญต้องมีจิต สำนึกหรือศักดิ์ศรีพอที่จะคิดผลิตอาวุธเองพึ่งตนเอง เหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่คิดจะทำก็ทำได้ ง่ายๆ ในเวลาอันสั้นนะครับ ดูประเทศไทยเป็นตัวอย่าง อยากจะเป็น "ดีทรอยท์แห่งเอเซีย" แหล่งผลิตรถยนต์ ก็ไม่สามารถผลิตเหล็กแผ่นคุณภาพสูงสำหรับทำตัวถังได้เอง ขาดเทคโนโลยีในการหล่อเสื้อสูบเครื่องยนต์ ขาดวิศวกร ขาดช่าง ที่จะทำงานในโรงงานผลิตระดับโลก ต้องนำเข้าทั้งนั้น ส่งออกรถยนต์หนึ่งคันคิดหักลบกลบหนี้แล้วได้เงินเข้าประเทศนิดเดียว
แม้ว่าปืนทดสอบของเดือนนี้จะไม่ใช่ยี่ห้อ "ซีแซด" แต่เป็น "ดรูล็อฟ" (Drulov) จากสาธารณรัฐเชกแหล่งเดียวกัน ด้วยเหตุผลที่กล่าวแล้วว่าประเทศนี้มีโครงสร้าง ทางอุตสาหกรรมเอื้อต่อการผลิตอาวุธปืน ทำให้คาดหวังได้ว่า ดรูล็อฟ จะเป็นปืนคุณภาพสูงราคาไม่แพงอีกกระบอกหนึ่งครับ ผมจำได้ว่าเราเคยทดสอบปืนดรูล็อฟ โมเดล 75 นานมาแล้ว ในรูปของปืนสั้นยิงช้า ราคาประหยัด ค้นหิ้งหนังสือดู "อาวุธปืน" เล่มเก่าๆ พบว่าสิบปีพอดีครับ คือรายงานการทดสอบไว้ในฉบับเดือนเมษายน 2534 เมื่อสิบปีก่อนสายตายังดี ยิงศูนย์เปิด 10 นัด ระยะ 50 เมตร เป้ามาตรฐานสากล ISSF (เป้ากลมใหญ่ที่ใช้แข่งปืนยาวชาวบ้าน) ได้คะแนนชุดละ 97-98 (พาดยิง) และกลุ่ม 5 นัดทำได้เล็กกว่า 1 นิ้วครับ เทียบกับเป้าแล้วเล็กกว่าวง "เอ๊กซ์" เล็กน้อย
ดรูล็อฟ ที่เข้ามาใหม่คราวนี้ เป็นโมเดล 97 MSU ต่างจาก 75 ของเดิมคือ ลำกล้องยาวขึ้นจากเดิมประมาณ 10 นิ้ว ยืดออกไปเป็น 15 นิ้วหย่อนนิดเดียว เพิ่มก้านลูกเลื่อนที่ด้านหลังแท่งปิดท้ายลูกเลื่อน ซึ่งแต่เดิมเป็นเพียงแต่งผิวกันลื่นไว้ เพิ่ม กระโจมยาวตลอดจากโกร่งไกจรดปลาย ลำกล้อง และแถมพานท้ายประทับบ่ามา พร้อมกับด้ามปืนสั้นให้ใส่สับเปลี่ยนกันได้ การทำงานของลูกเลื่อนและไกยังเหมือนเดิม ลักษณะภายนอกของตัวปืน เมื่อโรงงานใส่ลำกล้องมา 14.8 นิ้ว บ้านเราถือเป็นปืนยาว นะครับ ติดพานท้ายแทนด้ามจับ จากปืนสั้นยิงช้ากลายเป็นปืนคาร์บีน (Carbine : อังกฤษ ออกเสียง "คาร์ไบน์") คอปืนตั้งจับถนัด เหมือนด้ามปืนสั้น พานท้ายค่อนข้างยาว คือ วัดจากหน้าไกถึงส้นพานท้ายได้ 14.8 นิ้วเท่า ความยาวลำกล้องพอดี สันพานท้ายไม่สูงมาก ยิงศูนย์เปิดได้สบาย ถ้าจะเปลี่ยนด้ามเป็นด้ามปืนสั้นก็เพียงคลายแป้นใต้ด้ามตัวเดียว ส่วนกระโจมด้านหน้าที่ยาวตลอดตามแบบมานน์ลิเคอร์นั้นไม่มีสกรูยึดนะครับ ใช้วิธีครอบลำกล้องจากด้านหน้าโดยมีฐานศูนย์หน้าเป็นตัวคุม ท้องกระโจมเล่นเส้นโค้งเว้าในแนวหน้าหลัง แต่ในแนวซ้าย-ขวาเรียบพาดหมอนแล้วไม่โคลงเคลงครับ
ลำกล้องดรูล็อฟ เป็นเหล็กรมดำ ทรงกลม ด้านบนติดสันแบบหลังถนน แต่งผิวลายลดแสงสะท้อน ด้านหน้าติดศูนย์หน้า บนฐานเป็นแท่งเหลี่ยมขนาดใหญ่เกือบ 4 มม. ศูนย์หลังอยู่หน้าช่องรังเพลิง เปลี่ยนแผ่นศูนย์ได้ ปรับซ้าย-ขวา, สูง-ต่ำได้ ส่วนห้องลูกเลื่อนปาดผิวนอกเป็นเหลี่ยม ช่องสลัดปลอกใช้ได้ทั้งมือซ้ายมือขวา ตัวลูกเลื่อนมีแท่งปิดท้ายขนาดเท่าห้องลูกเลื่อน ก้านลูกเลื่อนอยู่หลังสุด ในตำแหน่งปิดล็อกจะชี้ไปทางขวา (มองจากด้านหลัง) หมุนทวนเข็ม-นาฬิกา 90 องศา ชี้ขึ้น เป็นตำแหน่งปลดล็อกครับ ลองถอดด้ามออก โครงด้ามเป็นแท่งเหล็กกลม ปลายทำเกลียวไว้รับแป้นล็อกด้าม การทำงาน ลูกเลื่อนของดรูล็อฟเป็นแบบขัดกลอนด้านหลัง ใช้ปีกขัดกลอนคู่ ไม่มีผิวเอียงดันเข็มแทงชนวน การขึ้นนกเป็นแบบ Cock-on-closing (ค็อก-ออน-โคลสซิง : เข็มง้างในจังหวะปิดลูกเลื่อน) คือเมื่อเราผลักลูกเลื่อนเข้าที่นั้น ตะขอใต้ห้องลูกเลื่อนจะเกี่ยวเข็มแทงชนวนง้างไว้ไม่ให้ตามลูกเลื่อนไปด้านหน้า สปริงเข็มจะอัดตัวเป็นการขึ้นนกพร้อมจุดชนวน แต่ขณะนี้ไกยังไม่ทำงานนะครับ เพราะไกเป็นแบบเซ็ตทริกเกอร์ (Set trigger) เหมือนปืนแข่งขันสั้นยิงช้าทั้งหลาย หลังป้อนกระสุนขึ้นลำปิดลูกเลื่อนแล้วต้องผลักคันง้างไกด้านซ้ายขึ้นให้เซียร์เกาะก่อน ไกจึงจะพร้อมยิง แรงเหนี่ยวไกเบามาก คือ ประมาณหนึ่งออนซ์ หรือ 30 กรัมเท่านั้น เทียบกับปืนออโตฯ 1911 แต่งดีๆ สองปอนด์ ครึ่ง คือ 40 ออนซ์ หรือ 1,200 กรัมครับ ไกเซ็ตยังมีข้อดีอีกอย่างคือใช้ซ้อมยิงแห้งได้โดยไม่ต้องกลัวว่าเข็มแทงชนวนจะหัก เพียงกดคันขึ้นไกโดยไม่ต้องดึงลูกเลื่อนครับ ถ้าไกยังไม่คมพอสามารถปรับแต่งได้อีกโดยขันสกรู หลังไกเข้าเซียร์จะเกาะน้อยลง
หน้าลูกเลื่อนมีขอรั้งปลอกตัวเดียวในตำแหน่ง 12 นาฬิกา เข็มแทงชนวนอยู่ด้านล่างคือ 6 นาฬิกา มีรางรับกระสุน (feed tray) เพียงวางกระสุนลงไม่ต้องสอดเข้ารังเพลิง ปิดลูกเลื่อนตาม จะดันกระสุนเข้ารังเพลิงเอง ทดสอบเลื่อนกระสุนเข้ารังเพลิงแล้วดึงกลับ ออกมาดูไม่มีรอยเกลียวจับหัวกระสุนนะครับ การดันลูกเลื่อนเข้าจะกินแรงนิดหน่อย เนื่องจากมีแรงสปริงเข็มแทงชนวนต้าน สำหรับคนถนัดขวาการปิดลูกเลื่อนขณะประทับไหล่ให้จับกระโจมด้วยมือซ้าย ใช้ส้นมือขวากดท้ายลูกเลื่อนโดยฝ่ามือชี้ไปทางซ้าย ก้านลูกเลื่อนที่ชี้ขึ้นบนจะอยู่ทางสันมือ ดันลูกเลื่อนเข้าที่แล้วหมุนฝ่ามือให้นิ้วชี้ขึ้นเพื่อล็อกลูกเลื่อน หรือถ้าจะใช้สองมือช่วยกัน ใช้นิ้วโป้งมือขวาดันท้ายลูกเลื่อน มือซ้ายพลิกก้านลูกเลื่อนลงตำแหน่งล็อกก็ได้ ใหม่ๆยังไม่คุ้นอาจขลุกขลักหน่อยนะครับ พอคุ้นแล้วก็ไม่ยาก ในการยิงทดสอบ เราใส่พานท้ายพาดแท่นแบบปืนยาวนะครับ ลำกล้อง 15 นิ้ว จะให้อาจารย์วีระยิงมือเดียวแบบปืนสั้น ท่านส่ายหน้ายอมแพ้ ปืนกระบอกนี้ถ้าขายในสหรัฐฯ ต้องเป็นปืนสั้น ติดพานท้ายไม่ได้ เนื่องจากลำกล้องสั้นว่าที่กฎหมายของเขา กำหนดคือ 16 นิ้วครับ ใช้แข่งยิงเป้าเหล็ก รูปสัตว์ เมทัลลิกซิลลูเอ็ท (Metallic Silhouette) ในรุ่นใหญ่ (Unlimited) โดยนอนหงายยิงปืนพาดไว้ที่หน้าแข้ง จึงตั้งชื่อรุ่นว่า MSU ย่อจาก Metallic Silhouette Unlimited
ลองเล็งดูแล้วพบว่า เมื่อประทับยิงแบบปืนยาว หน้าเราจะใกล้ศูนย์หลังมากเกินไป ทำให้ช่องบากศูนย์หลังดูกว้างมาก ต้องแก้ปัญหาด้วยการทำศูนย์รูแบบชั่วคราว ด้วยเทปกระดาษครับ สองแผ่นซ้อนกันให้แข็งหน่อย เจาะรูขนาด 1 มม.ด้วยมีดพับแล้ว แปะไว้ที่แผ่นศูนย์หลังให้ตรงช่องบาก พอใช้ ยิงแก้ขัดได้ดีกว่าศูนย์เปิด การปรับศูนย์สูงต่ำ ซ้ายขวา กลับทางกับปืนเยอรมันนะครับ คือปรับให้สูงต้องหมุนปุ่มเข้าตามเข็มนาฬิกา ปรับไปขวาก็หมุนเข้าเช่นเดียวกัน ถ้าจำไม่ได้ลองหมุนสักห้ากริ๊ก สังเกตว่าศูนย์หลังเลื่อนไปทางไหนนะครับ ต้องการให้กลุ่มกระสุนไปทางไหนก็ปรับศูนย์หลังไปทางนั้น
ความรู้สึกในการยิง กระโจมท้องเหลี่ยมพาดหมอนได้นิ่งดีมาก ไกเบากว่าปืนยาวลูกเลื่อนทุกรุ่นทุกแบบในตลาด ช่วยให้ยิงง่าย ความแม่นยำเยี่ยม เสียดายนิดเดียวไม่มีร่องให้ติดกล้อง ต้องเจาะรูติดฐานเพิ่ม ถ้าต้องการติดกล้องนะครับ การถอดลูกเลื่อนทำความสะอาดดึงสลักมาด้านข้างตรงๆมัน จะค้างอยู่อย่างนั้น ก็ถอดลูกเลื่อนให้ล้าง ลำกล้องจากด้านหลังได้ สำหรับตัวสลักถ้าหมุน 90 องศาจะถอดออกจากตัวปืนได้ด้วย ให้สังเกตว่าเวลาใส่กลับต้องหงายด้านที่ปาด เป็นร่องไว้ขึ้นข้างบน เมื่อเสียบสลักเข้าที่แล้วจึงพลิกด้านนี้ลงข้างล่างครับ ถ้าใส่ผิดสปริงคุมสลักจะหักชำรุดได้
ดรูล็อฟกระบอกนี้แม้ว่าจะเป็นปืนสั้นในตลาดอเมริกา แต่สำหรับบ้านเราใช้เป็นปืนยาวเหมาะกว่าครับ หาทางติดกล้องให้ คู่ควรกับความแม่นยำของปืนดีกว่ายิงศูนย์เปิด หรืออย่างน้อยเปลี่ยนเป็นศูนย์รู กับลดขนาด ศูนย์หน้าให้เท่าๆกับวงกลมดำของเป้าปืนสั้นสากล ผมกล้ารับรองกลุ่มเล็กกว่า 1 นิ้ว คือวงเอ๊กซ์เป้ามาตรฐานครับ ราคาที่ทางห้างฯ สิงห์ทองฯ ตั้งไว้คือ สองหมื่นห้า ลองเทียบกับเมื่อสิบปีก่อน ปืนต๊อซ 35 (Toz 35) ขายอยู่หมื่นห้า ดรูล็อฟ 75 ขายเจ็ดพันห้าร้อยบาท ครึ่งหนึ่งของต๊อซพอดีนะครับ ถึงปีนี้ ต๊อซใหม่ๆขายหกหมื่น คือขึ้นไปเป็นสี่เท่าตัว แต่ดรูล็อฟเพิ่มพานท้ายกับกระโจมมือให้ด้วย ราคาขึ้นไปไม่ถึงสามเท่าตัวครับ ยังจัดว่าเป็นปืนราคาเยาคุณภาพเยี่ยมได้อีกกระบอกหนึ่ง ดูตัวจริงได้ที่ห้างฯ สิงห์ทองไฟร์อาร์ม ที่ตั้งใหม่อยู่ถนนอุณากรรณ มาจากเสาชิงช้าอยู่ซ้ายมือก่อนถึงสี่แยกครับ หรือโทร. 22 45 357. |
|||||||||||||||||||||||||
นิตยสารอาวุธปืน
ฉบับที่ 320 มิถุนายน 2544 มีวางจำหน่ายตามแผงหนังสือทั่วประเทศ
|
Copyright
©2000 www.gunsandgames.com
Powered by eighteggs.com