เบเร็ตต้า 84 เอฟเอส ชีตาห์
ปืนสั้นออโตดับเบิลแอ๊คชั่น ลูกดก
ใช้พกพาต่อสู้ป้องกันตัวด้วยกระสุนขนาดย่อม

การพกพาอาวุธปืนเพื่อป้องกันชีวิต และทรัพย์สิน โดยเฉพาะการพกอาวุธปืนติดตัว เจ้าของปืนทุกรายย่อมต้องการปืนที่มีลักษณะพกง่าย ให้ความสะดวกสบายขณะพกพาและการปฏิบัติงานประจำวัน ดังนั้น เรื่องที่ผู้มีความจำเป็นต้องพกปืนคำนึงถึงมากที่สุดก็คือ ขนาดรูปร่างและน้ำหนักของตัวปืนเอง ส่วนเรื่องขนาดกระสุนเป็นเรื่องรองลงไป แต่ในปัจจุบันปืนสั้นที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด ใช้กระสุนที่มีอานุภาพเท่ากับปืนสั้นขนาดมาตรฐานตามปกติที่นิยมเรียกกันว่าปืน "คอมแพ็ก" ก็มีให้เลือกหลากหลายทั้งปืนสั้นลูกโม่และปืนสั้นออโต นับว่าเป็นการประสานความต้องการในเรื่อง สองเรื่องเข้าด้วยกันได้อย่างเหมาะเจาะ อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงคราวจำเป็นต้องใช้งานป้องกันตัวขึ้นมา อะไรๆ ก็ใช่ว่าจะง่ายดายไปเสียทุกอย่าง ผู้เขียนไม่ได้หมายความว่า ปืนสั้นขนาดคอมแพ็กจะมีกลไกล้าสมัยหรือใช้งานขลุกขลักไม่คล่องตัวหรอกครับ เพราะจริงๆแล้วปืนขนาดคอมแพ็กใช้งานคล่องตัว อาจจะมากกว่าปืนขนาดมาตรฐานด้วยซ้ำไป แต่ปัญหาการใช้ไม่ค่อยง่ายอย่างที่คิด กลับเป็นแรงรีคอยล์ของปืนครับ ปืนขนาดเล็กลง หรือบางทีก็หมายถึงน้ำหนักเบาลง แต่ใช้กระสุนขนาดที่เหมาะสำหรับใช้ป้องกันตัวอย่างเดิม ย่อมจะมีแรงรีคอยล์สะท้อนกลับมาสู่มือมากขึ้น แต่ถ้าเป็นผู้อยู่ในวัยฉกรรจ์มีร่างกายอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยขึ้นไปก็พอทำเนา แต่ถ้าเป็นผู้ที่มีรูปร่างเล็กบอบบาง โดยเฉพาะสุภาพสตรีหรือผู้ที่ค่อนข้างสูงอายุ แรงรีคอยล์ของปืนหนักๆย่อมเป็นปัญหาที่ผู้ใช้ปืนส่วนใหญ่ลืมนึกถึง หรือมองข้ามไปก็ได้ครับ ดังนั้น ปืนขนาดกะทัดรัด แต่ใช้กระสุนที่มีแรงรีคอยล์พอสมควร และมีอำนาจเพียงพอแก่งานป้องกันตัวในสถานการณ์ทั่วๆไป ก็ยังมีความจำเป็นและเหมาะสมสำหรับใช้งานในบางกรณีเช่นเดียวกันครับ

ภาพเต็มตัวของเบเร็ตต้า 84 เอฟเอส ชีตาห์ ทางด้านขวาและซ้ายตามลำดับ

ปืนสั้นที่มีขนาดกะทัดรัดดังกล่าว ถ้าเป็นปืนลูกโม่ก็จะมีขนาดลำกล้องยาว 2-3 นิ้ว ใช้กระสุนขนาด .38 สเปเชียล แทบทั้งนั้น และถ้าเป็นปืนสั้นออโต ก็จะมีลำกล้องอยู่ระหว่าง 3-3.5 นิ้ว (นับรวมรังเพลิงเข้าไปด้วย) มีลักษณะแบนเรียบ และมักบรรจุกระสุนได้มากกว่าลูกโม่ ใช้กระสุน .380 หรือ 9 มม.สั้นเป็นหลัก ส่วนปืนสั้นที่ใช้กระสุนต่ำกว่านี้ ความไว้วางใจในอานุภาพก็ย่อมลดลงไป ส่วนผู้ใดจะเลือกใช้ปืนลูกโม่หรือปืนออโต ก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวเป็นหลัก ปืนสั้นออโตจำพวกนี้ มีส่วนได้เปรียบปืนสั้นลูกโม่ประเภทเดียวกันตรงที่ปืนแบบออโตพกพาได้แนบเนียนกว่า และบรรจุกระสุนได้มากกว่าอยู่บ้างเล็กน้อย ส่วนบางท่านเห็นว่า การใช้ปืนยิงป้องกันตัวโดยทั่วไปนั้น ยิงกระสุนออกไปเพียง 2-3 นัด ก็พอจะสรุปผลได้แล้ว ซึ่งอาจจะประเมินอะไรต่ำๆไปสักหน่อย แต่ผู้เขียนเองมีความ เห็นส่วนตัวเหมือนเจ้าของฟาร์มเลี้ยงสัตว์ คือ ลูกมากไว้ก่อนแหละดี ยิงไม่หมดก็ถือว่ามีสำรองไว้ คงไม่เสียหายอะไรหรอกครับ อีกประการหนึ่ง ปืนออโตที่มีรูปร่างกะทัดรัด ใช้กระสุนที่มีแรงรีคอยล์ไม่สูงนัก แต่มีอานุภาพเพียงพอสำหรับป้องกันตัว มีมากมายหลายแบบ หลายยี่ห้อให้เลือกใช้ตามความต้องการได้มากกว่าปืนแบบลูกโม่ในระดับเดียวกัน เราจึงมักเห็นคนใช้ปืนออโตมากกว่าลูกโม่

ก่อนจะถอดปืนให้กดปุ่มปลดแม็กกาซีนออก แล้วตรวจดูว่าไม่มีลูกค้างอยู่ในรังเพลิง กดปุ่มเล็กๆ ซึ่งอยู่ด้านซ้ายโครงปืน ปลดล็อกคันถอดลำเลื่อน

เบเร็ตต้า 84 เอฟเอส ชีตาห์ เป็นปืนสั้นออโตที่มีลักษณะคุณสมบัติตรงกับปืนซึ่งเหมาะสำหรับพกพาติดตัวได้แนบเนียน พอสมควรยี่ห้อหนึ่ง ถึงแม้ขนาดรูปร่างจะไม่เล็กกะทัดรัดที่สุดในบรรดาปืนประเภทนี้ แต่ก็เป็นปืนที่จัดว่าบรรจุกระสุนได้มาก เพราะแม็กกาซีนบรรจุกระสุนขนาด 9 มม.สั้น หรือขนาด .380 ได้ถึง 13 นัด และเป็นยี่ห้อหรือแบรนด์เนมที่เชื่อถือไว้วางใจได้ ในคุณภาพและปฏิบัติการ โดยมีเบเร็ตต้า 92 เอฟเอส ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ที่ใครๆก็รู้จัก เป็นตัวรับประกันคุณภาพได้เป็นอย่างดีครับ หรือถ้าใครจะกล่าวว่า เบเร็ตต้า 84 เอฟเอส ที่ใช้ระบบรีคอยล์ ก็คงไม่เกินความจริงหรอกครับ เพราะรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกันมาก เพียง แต่ว่ามีขนาดส่วนสัดเล็กลงตามขนาดกระสุนที่ใช้เท่านั้น

โครงปืนทำด้วยโลหะผสมน้ำหนักเบา รมดำด้านแบบ "บลูนิตัน" ส่วนที่เป็นหน้า และหลังด้ามเซาะร่องกันลื่นตามยาวโกร่งไกมีขนาดกว้าง จะงอยด้านหน้าเซาะร่องกันลื่นตามขวางเพื่อให้นิ้วชี้ของมือข้างที่ช่วยประคองปืนเกาะเกี่ยวไว้ได้ รูปทรงคล้าย โมเดล 92 เอฟเอสของเบเร็ตต้าเอง ส่วนจะงอยหลังด้ามเหนือง่ามมือ ทำยื่นยาวออกไปพอสมควร ด้านใต้ทำโค้งเว้าให้เข้ากับง่ามมือได้ดีมาก โอกาสที่ลำเลื่อนจะถอยหลังเฉือนง่ามมือไม่มีเลย แก้มประกับด้ามเป็นพลาสติกสีดำค่อนข้างบาง ตามแบบฉบับปืนสมัยใหม่ของเบเร็ตต้า มีลายเม็ดสี่เหลี่ยมกันลื่น ผิวขอบรอบนอกเป็นแบบเรียบๆ ตรงกลางมีตราโลโก้วงกลมของเบเร็ตต้าปรากฏอยู่ ซึ่งทรงด้ามจับของเบเร็ตต้า 84 เอฟเอส ชีตาห์รุ่นปรับปรุงใหม่นี้เข้ากับมือผู้เขียนดีมากครับ

ผลักคันถอดลำเลื่อน ซึ่งอยู่ด้านขวา โครงปืนให้ชี้ลงดังภาพ ชุดลำเลื่อน/ลำกล้อง ก็จะหลุดเป็นอิสระ นำออกไปจากโครงปืนทางด้านหน้า

สำหรับลำเลื่อนเป็นเหล็กกล้ารมดำ แต่ด้านบนเปิดโล่งตั้งแต่หลังศูนย์หน้าไป จนถึงหน้าแป้นปิดท้ายลำกล้อง ลักษณะเช่นนี้ถือเป็นเอกลักษณ์ของปืนสั้นออโตเบเร็ตต้า ซึ่งนอกจากปืนออโตของเทารัสแล้ว ดูเหมือนจะไม่มียี่ห้อไหนทำแบบนี้ ยกเว้นปืนออโตรุ่นเก่าบางยี่ห้อของอิตาลี

ศูนย์หน้า-หลัง มีรูปทรงไม่แตกต่างไปจากปืนออโตเบเร็ตต้ารุ่นอื่นๆ แต่มีจุดขาวเพียง 2 จุดที่ด้านหลังใบศูนย์หน้า และที่ใต้ร่องบากสี่เหลี่ยมของศูนย์หลังเท่านั้น เพราะต้องการใช้เป็นเครื่องช่วยเล็งในที่มีแสงน้อย เพราะในสภาพแสงปกติ ก็มองเห็นภาพศูนย์ชัดเจนดีอยู่แล้วโดยไม่ต้องอาศัยจุดขาวแต่ อย่างใดครับ

คันบริหารกลไกต่างๆทำด้วยเหล็กกล้ารมดำ ไกปืนอยู่ห่างจากโครงปืนมาก เพราะเป็นปืนออโตดับเบิลแอ๊คชั่น ซึ่งต้องการระยะเดินไกลากยาวเพื่อง้างนกขึ้นมา นกสับมีหงอนนกกลวงเจาะรูแบบเดิมๆ ไม่ใช่แบบเจาะโปร่งสมัยใหม่ ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่า ล้าสมัยนะครับ ไกปืนมีตุ่มหยุดไกอยู่ด้านหลังไก สำหรับยิงประณีตในจังหวะซิงเกิลแอ๊คชั่น การเหนี่ยวไกแบบดับเบิลแอ๊คชั่นดู ทำให้รู้สึกว่ามีความราบเรียบและลั่นได้คมดี จนผิดสังเกต ไม่ได้หมายความว่าไกเบานะครับ แต่ก็ไม่ถือว่าหนัก เพราะไกดับเบิลวัดได้ราว 12 ปอนด์เศษๆเท่านั้นเอง

หงายชุดลำเลื่อน เปรียบเทียบดูกับ ส่วนบนของโครงปืนว่าสัมพันธ์กันอย่างไร

ส่วนที่ดูว่าแปลกไปจากปืนออโต โดยทั่วไปก็คือ คันนิรภัยของปืน ไม่ได้หมายความว่ามีรูปร่างผิดแปลกอะไรนะครับ เพียงแต่ปฏิบัติการของมันต่างกับของชาวบ้านเขา คือคันนิรภัยติดตั้งอยู่ที่ท้ายโครงปืน ธรรมดา เมื่อจะเข้า "เซฟ" หรือห้ามไก ก็ผลักคันขึ้นข้างบน ซึ่งก็มักเป็นเรื่องธรรมดา แต่แทนที่จะเป็นแบบค็อกแอนด์ล็อกตามที่พบเห็นทั่วๆไป แต่กลับเป็นคันลดนกไปในตัวในจังหวะนี้ด้วย ซึ่งตรงกันข้ามกับคันลดนกทั่วๆไป ซึ่งมีแต่ผลักหรือกดคันลงข้างล่าง ดังนั้นเบเร็ตต้า 84 เอฟเอส ชีตาห์ จึงไม่มีจังหวะค็อกแอนด์ล็อกเลย ทั้งๆที่ดูว่าจะทำอย่างนั้นได้ เมื่อเข้าห้ามไกแล้ว การเหนี่ยวไกจะฟรีวืดไปเลย และจะขยับลำเลื่อนไม่ได้ด้วย เพราะท้ายลำเลื่อนทำร่องบากรูปสามเหลี่ยมให้คันนิรภัยล็อกไว้ คันนิรภัยทำไว้ให้ทั้งสองด้าน ปลดเข้า-ออกด้วยหัวแม่มือได้ง่าย เหมือนปืนออโตแบบ 1911 ไม่มีผิดเลยครับ

อีกจุดหนึ่งซึ่งดูว่าแปลกไปก็คือ คันค้างลำเลื่อนมีขาทำหน้าที่เป็นแกนไกปืนอีกหน้าที่ หนึ่งด้วย และดูขอบล่างของลำเลื่อนด้านซ้าย ไม่มีร่องขัดกับคันค้างลำเลื่อนตามปกติที่พบเห็นทั่วไป แต่ถ้าดึงเลื่อนถอยหลังตอนที่มีแม็กกาซีนเปล่าเสียบอยู่ หรือยิงกระสุนจน หมดแม็กกาซีน ลำเลื่อนก็ค้างได้ครับ มันค้างได้อย่างไรกัน? มันค้างได้เพราะมันมีร่องยาวๆ ขุดไว้ในขอบหนาๆ ด้านล่างของลำเลื่อนเป็นการล็อกลำเลื่อนไว้ในอีกรูปแบบหนึ่ง ในลักษณะเดียวกันกับโมเดล 92 เอฟเอส แต่โมเดล 92 ล็อกไว้ตรงส่วนท้ายลำเลื่อนป้องกันไม่ให้ท้ายลำเลื่อนพุ่งเข้าหน้าผู้ยิง ถ้าเกิดลำเลื่อนหักขึ้นมา ดังนั้น โมเดล 84 เอฟเอส จึงมีตัวอักษร "เอส" ต่อท้ายชื่อรุ่นไว้ด้วย นอกจากนี้ ยังป้องกันไม่ให้ถอดคันค้างลำเลื่อนออกมาตามปกติได้ เป็นการล็อก คันค้างลำเลื่อนไม่ให้เคลื่อนตัวออกทางด้านข้างด้วย เพราะถ้าคันค้างลำเลื่อนเคลื่อนตัว หรือถอดออกมาได้ ไกปืนก็จะหลุดออกมาทั้งยวงได้ด้วยปืนจะพิการไปได้ในบัดดลครับ

ถอดชุดสปริงลำเลื่อนออกไปทางด้านหลัง ให้ค่อยๆ ผ่อนแรงตามสปริง ยกท้ายลำกล้องขึ้นมาจากลำเลื่อน แล้วดึงเฉียงๆออกไปด้านหลัง

สำหรับปุ่มปลดแม็กกาซีนเป็นแบบปืน 1911 ที่นิยมกัน มีขนาดรูปร่างพอเหมาะพอดีสำหรับใช้งานสะดวกและคล่องตัว ซึ่งสามารถเปลี่ยนไปอยู่ทางด้านขวาสำหรับผู้ถนัดซ้ายได้ วิธีสับเปลี่ยนข้างก็มีบอกไว้ในหนังสือคู่มือ แต่ผู้เขียนไม่อยากลองกับปืนทดสอบ เพราะหากพลาดหลุดมือจะทำให้ปืนเป็นรอยตำหนิไปเปล่าๆ แต่ถ้าเป็นปืนของ ผู้เขียนเองก็คงอดที่จะลองไม่ได้ แม้จะเป็นคนถนัดขวาก็ตามครับ การถอดปืนก็ทำได้ง่ายๆตามแบบฉบับ ปืนเบเร็ตต้าออโตรุ่นใหม่ๆ แต่โมเดล 84 เอฟเอส มีคันถอดลำเลื่อนออกจากโครงปืนอยู่ด้านตรงกันข้ามกับโมเดล 92 เอฟเอส ครับ คือแทนที่จะอยู่ทางด้านซ้ายของโครงปืนก็กลับไปอยู่ทางด้านขวาครับ

ชิ้นส่วนที่จำเป็นต้องถอดทำความสะอาด หลังยิงทุกครั้งมีเท่านี้

การถอดปืน เริ่มด้วยถอดแม็กกาซีนออกจากด้ามปืน ดึงลำเลื่อนถอยหลัง 2-3 ครั้ง พร้อมกับมองดูด้านท้ายรังเพลิงว่ามีกระสุนค้างลำกล้องหรือ ไม่ หรือจะสังเกตด้านบนปลายขอรั้งปลอก กระสุนก่อนก็ได้ครับ ถ้าปลายขอรั้งเผยอให้เห็นสีแดง แสดงว่ามีกระสุนค้างรังเพลิง ก็เอาออกเสียก่อน กดปุ่มล็อกคันถอดชุดลำเลื่อนทางด้านซ้าย แล้วบิดคันถอดชุดลำเลื่อนทางด้านขวาให้ชี้ลงด้านล่าง ชุดลำเลื่อน/ลำกล้อง ก็จะหลุดเป็นอิสระจากโครงปืน จับชุดลำเลื่อนถอดออกจากโครงปืนไปทางด้านหน้า หงาย ลำเลื่อนขึ้น ผลักท้ายแกนสปริงลำเลื่อนไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วยกขึ้นจากแท่งใต้ลำกล้อง ผ่อนตามแรงสปริงออกไปทางด้านหลัง หยิบแท่งใต้ลำกล้องยกขึ้นแล้วเอาออกจากลำเลื่อนไปทางด้านหลัง ซึ่งเป็นการถอดปืนออกทำความสะอาดหลังยิงตามปกติ การประกอบกลับให้ย้อนวิธีการถอดตามลำดับ อันเป็นคำอธิบายสูตรสำเร็จครับ

แม็กกาซีนแบบสองแถวจุกระสุนได้ 13 นัด เป็นเหล็กรมดำ

การยิงทดสอบ เริ่มด้วย บก.ฝ่ายวิชาการปืน ดร.ผณิศวร รันนิ่งอินไปก่อนด้วย กระสุนวินเชสเตอร์หัวทองแดง บรรจุเต็มแม็กกาซีน 13 นัด ที่ระยะ 15 เมตร ไม่มีติดขัดแม้แต่นัดเดียว ต่อไปผู้เขียนยิงในระยะเดียวกันด้วยกระสุนวินเชสเตอร์ หัวซิลเวอร์ทิป กระสุนซีซีไอ ปลอกอะลูมินั่มหัวหุ้มทองแดง และกระสุนบุลเล็ทมาสเตอร์ หัวตะกั่ว ชนิดละ 5 นัด ปรากฏว่าทำกลุ่มได้ใกล้เคียงกัน ส่วนผู้ทดสอบท่านอื่นๆก็ทยอยกันยิงดู ซึ่งก็ทำ กลุ่มได้ดีแทบทั้งสิ้น แต่เนื่องจากศูนย์ปืนทำมาให้เหมาะสำหรับงานต่อสู้ป้องกันตัว การที่นำมายิงแบบประณีตบรรจง ก็ย่อมจะทำกลุ่มให้แน่นจริงๆไม่ค่อยได้ ทั้งๆที่ความแม่นยำของปืนมีมากทีเดียวครับ

ผู้เขียนยิงทดสอบที่ระยะ 12-13 เมตร ด้วยกระสุน 3 ชนิด และเป้าของผู้เขียนจากซ้ายไปขวา ยิงด้วยกระสุนวินเชสเตอร์ ซิลเวอร์ทิป กระสุนซีซีไอ เบลเซอร์ หัวทองแดง และบุลเล็ทมาสเตอร์ หัวทองแดง 95 เกรน

สรุป เบเร็ตต้า 84 เอฟเอส ชีตาห์ เป็นปืนสั้นออโตที่เหมาะสมทั้งการพกซุกซ่อน และการต่อสู้ป้องกันตัว นอกจากผู้ที่มีรูปร่างเล็กอาจจะพกซ่อนไม่สะดวกเต็มที่นัก เป็นปืนรูปสวย ปฏิบัติการวางใจได้เต็มที่ ความ แม่นยำดีมาก ลูกดก อานุภาพกระสุนเพียงพอสำหรับงานต่อสู้ป้องกันตัวโดยทั่วไป ห้างฯปืน เพ็ญจันทร์ 68/2 ถนนเจริญกรุง มุมซอยข้างศาลาเฉลิมกรุง กรุงเทพฯ โทร. 222-9524, 222-0430 เป็นผู้สั่งนำเข้าครับ.

นิตยสารอาวุธปืน ฉบับที่ 319 พฤษภาคม 2544 มีวางจำหน่ายตามแผงหนังสือทั่วประเทศ

Copyright ©2000 www.gunsandgames.com Powered by eighteggs.com