บริษัทปืนโคลท์ได้ชะลอการผลิตอาวุธปืนสั้นของตนไว้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
ซึ่งสองสามปีที่ผ่านมาได้มีกระแสข่าวว่า โคลท์ได้ยุติการผลิตปืนสั้นลงแล้ว
ทั้งหมด ทำให้บรรดานักนิยมปืนของโคลท์ โดยเฉพาะผู้ที่กำลังใฝ่หาปืนสั้นออโตโคลท์
1911 อยู่นั้นเกิดความเสียดายที่จะไม่มีโอกาสได้ครอบครองปืนออโตแบบ 1911
ยี่ห้อดั้งเดิมเสียแล้ว เพราะโคลท์เคยมีประวัติในทางเลิกทำปืนดีๆเสียเฉยๆมาก่อนในอดีต
ประกอบกับ
ดูก่อนท่านผู้เจริญ ! บริษัทโคลท์ได้ยุติสายการผลิตปืนสั้นไปแล้วก็จริง หากแต่จะเลิกทำไปทั้งหมดก็หาไม่ จะหยุดทำจริงๆ เฉพาะบางแบบบางรุ่นเท่านั้นครับ ยิ่งเป็นปืนสั้นออโต โมเดลโอ หรือโคลท์ออโต 1911 ด้วยแล้ว คงไม่มีใครเสียสติไปยุติการผลิต ปืนคลาสสิกและเป็นอมตะที่สุดได้หรอกครับ ขนาดบริษัทโคลท์เผลอมัวหันไปจัดระเบียบสังคม (การเงิน) ภายในบริษัทหน่อยเดียว พอหันกลับมาเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกันก็ทำปืนออโต 1911 ออกวางตลาดกันเพียบเลยครับ แล้วก็ขายดิบขายดีพอสมควรทีเดียว เพราะความต้องการ และความนิยมในปืนสั้นออโตแบบนี้ ยังคงมีสม่ำเสมอตลอดมา อย่างที่เราๆท่านๆทราบกันอยู่ นั่นแหละครับ ในยุคสมัยที่ผ่านมา โคลท์ทำปืนออโตแบบ 1911 ให้ใช้กระสุนอยู่ 2-3 ขนาดเป็นหลัก และมีรุ่นแยกย่อยออกไปไม่กี่รุ่น คือ ถ้าแบ่งเป็นรุ่น ก็มีขนาดเต็มมาตรฐานกับขนาดคอมแพ็ก ถ้าแบ่งตามประเภทใช้งานก็มีประเภทยิงเป้ากับประเภทใช้ต่อสู้ป้องกันตัว และถ้าแบ่งเป็นรุ่น วัสดุที่ใช้ทำโครงปืน ก็มีแบบโครงเหล็กกล้ากับโครงอะลูมินั่มผสมน้ำหนักเบา ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบ กับปืนโคลท์ออโต 1911A1 ในสมัยปัจจุบัน กลับมีรุ่นย่อยๆ เพิ่มเติมขึ้นมาเป็นจำนวนมาก พอสมควร เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ความต้องการของตลาดยิ่งขึ้นครับ
โคลท์ ดีเฟนเดอร์ ซีรีส์ 90 จัดว่าเป็นปืนสั้นออโต 1911 แบบล่าสุดที่โคลท์
ปรับปรุงพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ได้ปืนออโตซับคอมแพ็กที่สมบูรณ์แบบ ทั้งในด้านสมรรถนะ ตอนนี้ผมขอย้อนไปกล่าวถึงการพัฒนาปรับปรุงปืนออโตแบบ 1911 ของโคลท์อย่างคร่าวๆ นับตั้งแต่รุ่นโคลท์ 1911A1 เลยนะครับ คือพอถึงประมาณปี 1970 โคลท์ได้เปลี่ยนบูชลำกล้อง จากรูปทรงกระบอกมาเป็นรูปกลีบจำปา เรียกว่าเป็นรุ่นซีรีส์ 70 ครั้นถึงราวปี 1980 ก็มีสมอล็อก เข็มแทงชนวนเป็นระบบนิรภัยเพิ่มเข้ามาอีกชั้นหนึ่ง ส่วนบูชลำกล้องกลับมาทำแบบเดิมเสียส่วนมาก เรียกว่าเป็นรุ่นซีรีส์ 80 แต่พอถึงปี 1991 โคลท์ได้ทำปืนออโตแบบนี้ออกมาโดยเน้นความแข็งแรง ทนทาน และปฏิบัติการของปืนเป็นหลัก จึงมีความหลวมคลอนพอใช้และทำผิวด้านไม่เน้น ความสวยงาม แทนที่จะเรียกว่าเป็นรุ่นซีรีส์ 90 กลับไปเรียกว่า โคลท์ 1991A1 แบบเดิมเสียอีก ส่วนที่เรียกว่า โคลท์ ซีรีส์ 90 จริงๆ กลับเป็นโคลท์ ดีเฟนเดอร์ ซึ่งเป็นปืนซับคอมแพ็ก แต่ใช้กระสุนขนาด .45 ACP อย่างเดียวกับรุ่นกัฟเวอร์นเมนท์โมเดลและรุ่นคอมมานเดอร์ ความจริงแล้วปืนซีรีส์ 90 นี้ ปรับปรุงมาจากโคลท์ ออฟฟิเซอร์ ซึ่งเป็นปืนซับคอมแพ็กอยู่แล้ว ใช้บูชลำกล้องขนาดสั้น และบางลงมาก จึงมีปัญหาเรื่องแตกหัก หรือร้าวอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ต้องเปลี่ยนลำกล้องเป็นแบบไม่ต้องใช้บูช แต่ใช้วิธีทำปากลำกล้องให้มีขนาดโต แล้วค่อยเรียวเล็กลงไปทางท้าย ลำกล้องมีลักษณะคล้ายรูปกรวย โดยทำบริเวณปากกระบอก ให้ฟิตพอดีกับปลายลำเลื่อน ซึ่งก็แก้ปัญหาได้ดี แต่แทนที่จะเรียกว่ารุ่นออฟฟิเซอร์ กลับเรียกว่าเป็นซีรีส์ 90 ทั้งๆที่มีปืนดีเฟนเดอร์อยู่เพียงรุ่นเดียวเท่านั้นเองครับ โคลท์ ดีเฟนเดอร์ ซีรีส์ 90 ที่ผมและคณะในทีมงานของนิตยสารอาวุธปืนทำการยิงทดสอบ และตัวผมรับหน้าที่รายงานผล ต่อผู้อ่านนั้น เป็นรุ่นไลท์เหวท ถ้าเป็นนักมวยก็เบากว่า รุ่นมิดเดิลเหวทเพียงรุ่นเดียวครับ แต่พอเป็นปืนก็หมายถึงน้ำหนักเบากว่าปืนที่ทำด้วยเหล็กล้วน ทั้งกระบอก ส่วนใหญ่แล้วปืนที่มีน้ำหนักเบา ก็หมายถึงปืนที่มีโครงทำด้วยโลหะผสมอะลูมินั่ม ไม่ได้หมายถึงโครงทำด้วยสารสังเคราะห์พวกโพลิเมอร์ หรือโลหะพวกไทเทเนียม สแกนเดียม อย่างเช่นในทุกวันนี้ครับ โครงปืนดีเฟนเดอร์กระบอกนี้ก็ทำด้วยโลหะผสมพวกอะลูมินั่มเช่นกัน แต่แต่งผิวสีเงินเพื่อให้เข้ากับผิวของลำเลื่อนสเตนเลสส์ครับ ดูเผินๆก็จะเข้าใจว่าเป็น สเตนเลสส์ผิวด้าน แต่ดูดีๆก็มีลักษณะเป็นเกล็ดระยับเล็กน้อยอยู่ตลอดทั้งผิว รูปทรง โดยทั่วไปของโครงปืนไม่มีลักษณะผิดเพี้ยนไปจากปืนรุ่นเต็มมาตรฐาน เพียงแต่มีขนาด ค่อนข้างจะม่อต้อลงตามส่วนเท่านั้น โดยเฉพาะด้ามจับดูจะสั้นเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นลักษณะของ ปืนแบบซับคอมแพ็ก แล้วแม็กกาซีนก็บรรจุได้เพียง 6 นัด ถ้าไม่ทำลิ้นแม็กฯแบบพิเศษแล้ว ควรจะจุได้เพียง 5 นัดด้วยซ้ำไป ส่วนลำเลื่อนก็เช่นเดียวกันกับโครงปืน คือ เมื่อเทียบกับรุ่นมาตรฐานมีขนาดสั้นลงมาก เพราะลำกล้องปืนมีความยาวเพียง 3 1/4 นิ้ว และระยะศูนย์ 4 3/4 นิ้ว เท่านั้นครับ ช่องคายปลอกมีการแต่งขอบปาดเว้าตามลักษณะของปืนซิ่ง แต่ถือเป็นเรื่องธรรมดา ของปืนสมัยใหม่ไปแล้ว ศูนย์ก็เป็นแบบที่มีอยู่ในปืนรุ่นใช้งานของโคลท์ คือศูนย์หลังเป็นศูนย์ตาย มีร่องบากสี่เหลี่ยมอันเป็นมาตรฐาน แต่มีจุดขาว 2 จุด ส่วนศูนย์หน้ามีใบศูนย์ลาดโค้งยอดราบ แต่ท้ายตัดเฉียง มีจุดขาว 1 จุด ทั้งศูนย์หน้าและหลังเป็นเหล็กรมดำ ส่วนหน้าของลำเลื่อน ไม่มีร่องล็อกบูชลำกล้อง เพราะไม่ใช้บูชอย่างที่บอกไว้แล้ว ทำให้ความฟิตแน่นระหว่าง ปากลำกล้องกับลำเลื่อน แนบสนิทกันดีมากครับ สำหรับชุดสปริงรีคอยล์ มีสปริงช่วยต้านแรงถอยอยู่ 2 ตัว แต่ต่างขนาดกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราพบเห็นในปืนแบบซับคอมแพ็ก โดยทั่วไปแกนสปริงแบบยาว เพราะต้อง บังคับการทำงานของสปริง 2 ตัวให้ทำงานด้วยกันโดยไม่ติดขัด ด้านหน้าของแกนสปริง มีบูชครอบไว้ เพื่อให้ยึดตัวเข้ากับส่วนล่างของปลายลำเลื่อนอีกทอดหนึ่ง ปลายสปริงไม่ยึดกับ ลำเลื่อนโดยตรง บูชแกนสปริงรีคอยล์นี้มีรูปร่างคล้ายบูชลำกล้องแต่ใส่เข้าไปกลับทางกัน ทำหน้าที่เหมือนหลอดครอบสปริงนั่นเองครับ เมื่อมองด้านบนของลำเลื่อนก็จะพบสิ่งหนึ่งที่สะดุดตามาก
คือมีช่องพอร์ทอยู่ กลไกลั่นกระสุนไม่มีอะไรแตกต่างจากโคลท์ ซีรีส์ 80 ไกปืนเป็นอะลูมินั่มสีดำเจาะรูกลม 3 ช่อง อันเป็นลักษณะไกปืนซิ่ง แต่นกสับเจาะโปร่งตามสมัยนิยม นัยว่าทำให้มันฟาดท้ายลำเลื่อนเบาลง กับตวัดทำงานได้เร็วขึ้น แต่เดิมก็ทำใช้กับปืนแข่งที่ตัดสินกันด้วยเวลาเศษเสี้ยวของวินาที สำหรับปืนใช้งาน คงช่วยถนอมแป้นปิดท้ายเข็มแทงชนวนเท่านั้นกระมังครับ ระบบนิรภัยก็ไม่มีอะไรพิเศษไปจากปืนรุ่นใหม่ของโคลท์อีกเช่นกัน คือมีคันนิรภัยหัวแม่มือ แต่มีข้างซ้ายด้านเดียว เซฟหลังอ่อนแบบหางตัวบีเวอร์ มีสันนูนตรงปลายข้างล่าง ซึ่งดูไม่ค่อยเข้ากันกับเรือนสปริงนกสับแบบตรงเท่าใดนัก แต่ปืนสมัยใหม่เขาก็ทำกันทุกยี่ห้อ ทำนองว่าได้ค้นคว้าทดลองกันมาแล้ว ทำให้ยิงดีอย่างโน้นอย่างนี้กระมัง ถ้าโคลท์ไม่ทำบ้างอาจถูกมองว่าไม่ทันสมัยก็ได้ครับ ความจริงเรือนสปริงนกสับแบบตรง โคลท์ทำในรุ่นโกลด์คัพมาก่อน ความเห็นของผมว่าโค้งมากก็ไม่ดี ตรงเกินไปก็ไม่สู้เหมาะ โค้งแต่พอดีพองามอย่างปืนไม่มีหลังอ่อนทั้งหลายก็มีให้เห็นเยอะแยะไปครับ เมื่อเขียนถึงตรงนี้
ถ้ามองกันให้ดีก็จะเห็นว่าหลังอ่อนก็เป็นจุดอ่อนได้เหมือนกัน เพราะเป็นช่องทางให้เหงื่อไคลหรือสิ่งสกปรกไหลซึมผ่านเข้าไปสู่ชุดลั่นไกได้
แต่ข้อเสียนี้ ไม่ชัดเจน ข้อดีก็คือเป็นโช้กอัพให้ง่ามมือได้บ้าง ปืนยี่ห้อสตาร์แบบออโต
1911 ได้ ลองทำออกมาโดยไม่มีเซฟหลังอ่อนมาแล้วก็ไม่เห็นจะได้รับความนิยมเป็นพิเศษขึ้นมา
การตรวจสอบกลไกปฏิบัติการ ไม่มีอะไรขลุกขลักหรือติดๆขัดๆ การดึงลำเลื่อน ถอยหลังก็ไม่ต้องออกแรงมากนัก แม้จะมีสปริงลำเลื่อนอยู่ 2 ชั้น มีสิ่งที่ฝืนความรู้สึก อยู่อย่างเดียวก็คือด้ามจับไม่ค่อยถนัด ซึ่งเป็นลักษณะของปืนสั้นแบบซับคอมแพ็กไม่ว่า ยี่ห้อไหนๆในโลกอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม การฝึกฝนและความเคยชินจะขจัดความ แตกต่างระหว่างความถนัดกับความไม่ถนัดให้หมดไปได้ครับ จุดดีของปืนดีเฟนเดอร์เท่าที่ สัมผัสได้ก็คือ ปุ่มหรือคันบังคับกลไก อย่างคันค้างลำเลื่อน คันนิรภัย ปุ่มปลดแม็กกาซีน ยังมีขนาดเท่าๆ รุ่นเต็มมาตรฐาน หรือมีขนาดเล็กลงเล็กน้อย พอให้ดูสมส่วนเท่านั้น ความสะดวกในการบริหารกลไกจึงยังมีเหมือนๆกันครับ การยิงทดสอบ
โคลท์ ดีเฟนเดอร์ ไลท์เหวท เป็นปืนสั้นออโตแบบซับคอมแพ็ก ที่ใช้กระสุนขนาดใหญ่
ถึงจะเจาะพอร์ทที่ปากกระบอก ก็ยังทำให้รู้สึกว่าแรงรีคอยล์คง หนักหน่วงเอาเรื่องแน่เลยครับ
พอบรรจุกระสุนเข้าแม็กกาซีนสเตนเลสส์ ซึ่งมีลิ้นสีแดงๆ ตอนที่ยิงไปได้ 1-2 ชุดก็ขอรายงานตามตรงว่า มีลำเลื่อนเดินหน้าไม่สุด ต้องดันท้ายลำเลื่อนช่วยมีอยู่ 2-3 ครั้ง และคาบปลอกแบบ "ปล่องไฟ" อยู่อีก 2-3 ครั้ง หลังจากนั้นแล้วปฏิบัติการเรียบร้อยดีเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน แรงรีคอยล์ แทบไม่รู้สึกว่าจะแตกต่างกับปืนขนาดเต็มมาตรฐานมากนัก เหมือนกับใช้ปืนรุ่น กัฟเวอร์นเมนท์โมเดลยิงลูก +P เสียมากกว่าครับ การกำด้ามก็ไม่รู้สึกเหมือนว่า ปืนจะหลุดมือตอนกระสุนลั่น เรียกว่าไม่รู้สึกว่าปืนดิ้นอย่างเห็นได้ชัดก็แล้วกัน เนื่องจากปืน กระบอกที่ทดสอบมีความแม่นยำมาก ทำให้ผู้ทดสอบหลายท่านยิงไม่อยากหยุดทั้งๆที่ ผอ.สุวิทย์หากระสุนมาเพิ่มให้แล้ว ก็รู้สึกว่าจะยิงกันไม่ค่อยจุใจเลยครับ แต่ในที่สุด งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เพราะตอนท้ายยิงกันจนกระสุนหมดเกลี้ยงไม่เหลือหรอ สรุป โคลท์ ดีเฟนเดอร์ ซีรีส์ 90 เจาะพอร์ทกระบอกนี้ เป็นปืนสั้นออโตแบบคอมแพ็ก ใช้กระสุนขนาด .45 ACP ที่มีลักษณะสมบัติและปฏิบัติการเพียบพร้อมที่นักยิงปืน พึงจะหาได้ยี่ห้อหนึ่งในตลาดปืนปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่ยี่ห้อที่เป็นต้นตำรับที่เชื่อถือได้ตลอดมา ตั้งแต่ต้น แข็งแรง ทนทาน มีความแม่นยำมาก ปฏิบัติการวางใจได้ หลังยิงจนเข้าที่แล้ว การเจาะพอร์ทช่วยบรรเทาอาการสะบัดของปืนพอรู้สึกได้ ช่วยในการยิงซ้ำได้เร็วขึ้น ยิ่งถ้าท่านเป็นผู้ชอบปืนออโตแบบซิงเกิลแอ๊คชั่น และกำลังหาปืนที่มีอานุภาพเพื่อพกซ่อน ผมอยากให้พิจารณาปืนกระบอกนี้ก่อนยี่ห้ออื่นๆ ห้างฯ ค้าปืน อินโดไทยพาณิชย์ เลขที่ 23-25 ถนนบูรพา กทม. 10200 โทร. 0-2221-9767-9 โทรสาร 0-2225-7680 เป็นผู้ส่งเข้าทดสอบครับ |
|||
นิตยสารอาวุธปืน
ฉบับที่ 331 พฤษภาคม 2545 มีวางจำหน่ายตามแผงหนังสือทั่วประเทศ
|
Copyright
©2000 www.gunsandgames.com
Powered by eighteggs.com