ร้อยโทวินสตัน
เชอร์ชิลล์ แห่งกองพันทหารม้าแลนเซอร์ที่ 21 กรมทหารม้าฮุสซาร์ที่ 4
นี่คือภาพการรบส่วนหนึ่งระหว่างทหารอังกฤษกับพวกกบฏเดอร์วิชที่เมืองอัมเดอร์มานน์ ประเทศซูดานเมื่อ ค.ศ.1898 ที่เซอร์วินสตัน เชอร์ชิลล์ได้เข้าร่วมทำการรบด้วยในขณะที่มีอายุ 24 ปี ตอนเด็ก เชอร์ชิลล์เป็นเด็กดื้อที่สุดในโลกคนหนึ่ง เชอร์ชิลล์จะยอมเรียนหนังสือเฉพาะวิชาที่ตัวเองชอบ ทำให้เชอร์ชิลล์สอบได้ที่หนึ่งข้างท้ายเกือบจะทุกครั้ง แต่ความที่เกิดมา ในตระกูลอัศวินชั้นสูงทำให้เชอร์ชิลล์ผูกพันอยู่กับชีวิตทหาร และใช้ความพยายามจนสอบ เข้าโรงเรียนนายร้อยแซนเฮิร์สต์ได้ในที่สุด เมื่อเชอร์ชิลล์เข้าโรงเรียนนายร้อย ก็เหมือนกับปล่อยเสือเข้าป่า จากที่เคยสอบได้ที่โหล่มาตลอด เชอร์ชิลล์ตีตื้นขึ้นมาจนสอบไล่ได้เป็นที่ 8 จากนักเรียน 150 คน แต่เรื่องของเรื่องน่าจะเป็นเพราะว่าเชอร์ชิลล์ เลือกเรียนถูกที่มากกว่า เพราะระบบโรงเรียน นายร้อยของอังกฤษนั้นจะเรียนเฉพาะวิชาทหาร วิชาการปกครอง และหลักการนำหน่วยทหาร ถ้าเชอร์ชิลล์มาเรียนที่อเมริกาหรือประเทศไทยซึ่งสอนวิชาสามัญในระดับ ปริญญาตรีควบคู่ไปกับวิชาทหาร เชอร์ชิลล์ก็คงจะสอบได้ที่โหล่อีกตามเคย ความที่บิดาล้มเหลวทางการเมือง ทำให้เชอร์ชิลล์มีปมตั้งแต่เด็กว่าจะต้อง กอบกู้ชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลให้ได้ เชอร์ชิลล์จึงใช้วิธีสร้างวีรกรรมในการรบเพื่อสร้าง ชื่อเสียงผลักดันตัวเองเข้าสู่วงการเมือง โดยการอาสาเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในทุกสถานที่ซึ่งมีการรบ เริ่มจากคิวบา ตามมาด้วยการปราบกบฏปาทานที่เมืองบังกาลอร์ในอินเดีย และหลังจากเสร็จศึกที่ซูดานแล้ว เชอร์ชิลล์ก็ตัดสินใจลาออกจากทหารและลงสมัคร เลือกตั้งเป็นครั้งแรกในชีวิต และก็ต้องเป็น ส.ส. สอบตกเป็นครั้งแรกในชีวิตอีกเช่นกัน ในขณะนั้นเกิดสงครามบัวร์ในแอฟริกาใต้ขึ้นพอดี พวกบัวร์ (Boers) เป็น ชาวดัทช์หรือฝรั่งฮอลแลนด์ที่ไปตั้งรกรากในแอฟริกาใต้ และมีการจัดตั้งระบบการ ปกครองของตัวเองขึ้นมาแบบเดียวกับในยุโรป แต่เมื่อมีการพบขุมทองและเพชรที่นั่น ก็เกิด ความวุ่นวายตามมา ทำให้อังกฤษถือโอกาสเข้าแทรกแซงจึงเกิดสงครามกับพวกบัวร์ พวกดัทช์ไม่ใช่ฝรั่งขี้เมาเอาแต่กินเบียร์เหมือนกับในหนังโฆษณาขายเบียร์ แต่เป็น นักรบชั้นยอดพวกหนึ่งของโลก ชาวดัทช์ตั้งประเทศฮอลแลนด์มาตั้งหลายร้อยปี สู้รบ ป้องกันประเทศมานับครั้งไม่ถ้วน คนพวกนี้เคยเสียบ้านเมืองให้กับนโปเลียนและฮิตเลอร์ เพียงสองคนเท่านั้น ขนาดข้าศึกบุกเข้ามาเต็มเมืองแล้วพวกดัทช์ก็ยังไม่ยอมแพ้ แต่กลับสู้ตายด้วยการทำลายเขื่อนปล่อยให้น้ำทะเลไหลเข้ามาท่วมตัวเองกับข้าศึกให้จมน้ำตายไปด้วยกัน และเมื่อพวกดัทช์มาตั้งรกรากในแอฟริกาใต้ก็ยังเลือดข้นเหมือนเดิม แถมยังได้เยอรมันสนับสนุนอาวุธทันสมัยอย่าง เช่น ปืนไรเฟิลเมาเซอร์ขนาด 7x57 มม. ซึ่งใช้ยิง ได้แม่นยำจนถึงระยะ 600 เมตร จึงทำการสู้รบกับอังกฤษอย่างไว้ลายประเภทตายไป ก็ไม่อับอายต่อบรรพบุรุษ เที่ยวนี้เชอร์ชิลล์กลับมาสร้างชื่อเสียงแบบเดิม คือพกปืนเมาเซอร์ M96 คู่ใจเข้า ร่วมสงครามบัวร์ในฐานะผู้สื่อข่าวสงครามของหนังสือพิมพ์มอร์นิ่งโพสต์ แต่ดันทำปืน เมาเซอร์หล่นไว้บนรถไฟในระหว่างที่ถูกซุ่มโจมตีก็เลยถูกพวกบัวร์จับเป็นเชลยศึก คนอย่างเชอร์ชิลล์ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นผู้แพ้ แต่ได้วางแผนหลบหนีออกจากค่ายเชลยอยู่ทุกลมหายใจ ทั้งที่รู้ว่าทางรอดมีไม่มากนัก เพราะหน่วยทหารอังกฤษที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างจากค่ายเชลยถึง 300 ไมล์ แต่เชอร์ชิลล์ก็หนีออกไปจนได้โดยใช้วิธีซ่อนตัวไปในรถไฟออกไปจนถึงเขตของโปรตุเกส ซึ่งประกาศตัวเป็นกลาง การหนีรอดจากค่ายเชลยครั้งนี้สร้างชื่อเสียงให้กับเชอร์ชิลล์มาก กองทัพอังกฤษรับเชอร์ชิลล์กลับเข้าประจำการอีกครั้งหนึ่ง แต่เมื่อถึงฤดูเลือกตั้ง เชอร์ชิลล์ก็ลาออกไปลงสมัครอีกครั้งหนึ่ง และได้รับเลือกเป็น ส.ส. สมใจ ในชีวิตการเมืองเชอร์ชิลล์ได้เป็นรัฐมนตรีเกือบทุกกระทรวง ยกเว้นกระทรวง ต่างประเทศเพียงกระทรวงเดียว ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งท่านเป็นรัฐมนตรีกระทรวงทหารเรือ แต่ต้องลาออกเพราะสั่งการรบผิดพลาดในยุทธนาวีกับตุรกีที่ช่องแคบดาดาเนลล์ เชอร์ชิลล์กลับมาเล่นมุขเดิมอีก คือขอกลับเข้าเป็นทหารบก และได้รับตำแหน่ง เป็นผู้บังคับการกรมทหารม้าสก๊อตที่หก เชอร์ชิลล์ได้ชื่อเสียงว่าเป็นผู้บังคับหน่วยที่มีความกล้าหาญมาก กรมนี้เคยถูกเยอรมันระดมยิงด้วยปืนใหญ่อย่างหนาแน่นในระหว่างที่เชอร์ชิลล์กำลังอาบน้ำอยู่ ท่านเพียงแต่หยิบหมวกเหล็กมาสวมแล้วอาบน้ำต่อจนเสร็จ โดยยังคงสูบซิการ์บัญชาการรบจาก ถังอาบน้ำนั้นเอง ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐบาลอังกฤษพยายามเอาใจประชาชนที่เบื่อหน่าย สงครามด้วยการประนีประนอมกับฮิตเลอร์ มีแต่เพียงเชอร์ชิลล์เท่านั้นที่ไม่ไว้ใจฮิตเลอร์ และคัดค้านนโยบายนี้ ทำให้ถูกลดบทบาททางการเมืองลง แต่เมื่อเยอรมันเข้าสู่สงครามจริงๆ ตามที่เชอร์ชิลล์คาดการณ์เอาไว้ ชาวอังกฤษก็พร้อมใจกันเลือกเชอร์ชิลล์เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี นำพาประเทศอังกฤษซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ เข้าต่อสู้กับเยอรมันที่ยึดครองยุโรปเอาไว้ได้เกือบทั้งทวีป เชอร์ชิลล์วางมือทางการเมืองเมื่ออายุ 80 ปี และได้รับบรรดาศักดิ์เป็น "เซอร์" หลังจากที่ล้างมือในอ่างทองคำเรียบร้อยแล้ว บุรุษผู้ยิ่งใหญ่นี้ได้เสียชีวิตลงเมื่ออายุ 90 ปี อังกฤษถือว่าเชอร์ชิลล์เป็นวีรบุรุษผู้กอบกู้เกียรติภูมิของประเทศชาติ เช่นเดียวกับลอร์ดเนลสันผู้พิชิตกองทัพเรือผสม ฝรั่งเศส/สเปน และเวลลิงตันผู้พิชิตนโปเลียน จึงได้จัดพิธีศพอย่างยิ่งใหญ่เช่นเดียวกับวีรบุรุษทั้งสองในอดีต เราจะเห็นได้ว่าเยอรมันเป็นคู่ต่อสู้สำคัญของเชอร์ชิลล์มาจนตลอดชีวิต แต่การ ที่เชอร์ชิลล์เลือกใช้ปืนสั้นเมาเซอร์เป็นปืนประจำตัวก็เพราะว่าเมาเซอร์เป็นปืนสั้นที่มีกลไกเชื่อถือได้ ใช้กระสุนวิถีราบที่มีอานุภาพสูงที่สุดในโลกสำหรับยุคนั้น นอกจากนั้น ปืนเมาเซอร์ยังเป็นปืนสั้นออโตแบบแรกในโลกที่ประสพความสำเร็จ ปืนอื่นในยุคเดียวกัน หรือก่อนหน้านั้นล้วนแต่มีกลไกที่ยังเชื่อถือไม่ได้ ขอย้ำตรงนี้นะครับ เมาเซอร์ไม่ได้เป็น ปืนออโตแบบแรกของโลก แต่เป็นปืนออโตแบบแรกที่ประสพความสำเร็จต่างหาก ข้อได้เปรียบของปืนออโตเป็นที่รู้กันมานานแล้ว แต่ที่ยังไม่ได้ทำออกมาก็เพราะว่ายังคิดอ่านทำดินควันน้อยไม่ได้นั่นเอง ดินดำมีกากเขม่ามากเกินไปทำให้กลไกของปืนออโตติดขัด นอกจากนั้นดินดำยังมีพลังงานน้อย อยากได้กระสุนแรงก็ต้องใส่ดินดำมากๆ ทำให้ต้องใช้ปลอกกระสุนขนาดใหญ่ พลอยทำให้ตัวปืนต้องใหญ่ตามไปด้วยปืนออโตจึงเริ่มทำกันออกมาหลังจากทำดินควันน้อยได้สำเร็จ การทำงานของปืนออโตจะต้องมีการคัดปลอกกระสุนที่ยิงแล้วออกมาจากรังเพลิง เพื่อบรรจุกระสุนนัดใหม่เข้าไปแทน สำหรับกระสุนที่มีแรงอัดสูงเราจะปล่อยให้ลูกเลื่อน ถอยหลังทันทีที่จุดระเบิดออกไปแบบเดียวกับปืนลูกกรดออโตไม่ได้ จะต้องหาทางถ่วงเวลา ให้แรงอัดในรังเพลิงลดลงเสียก่อน สำหรับเมาเซอร์เลือกใช้การทำงานในระบบรีคอยล์ คือให้ลำกล้องกับลูกเลื่อนถอยหลังมาด้วยกัน เป็นระยะทางสั้นๆ ประมาณ 5 มม. จากนั้น ก็ปลดความสัมพันธ์ระหว่างลำกล้องกับลูกเลื่อน ปล่อยให้ลูกเลื่อนถอยหลังมาตามลำพัง ปืนออโตแบบแรกของโลกที่พอจะถือได้ว่ายิงได้จริงๆ คือปืน Schonberger ของคุณ Josef Laumann ชาวออสเตรีย แต่ก็ไม่ได้ผลิตออกมาจริงจัง ปืนแบบถัดมาเป็นปืนบอร์ชาดท์ ฝีมือออกแบบของคุณฮูโก บอร์ชาดท์ (Hugo Borchardt) ตำราเรื่องปืนที่พิมพ์ ในอเมริกันมักจะบอกว่า ฮูโก บอร์ชาดท์ เป็นชาวอเมริกัน ซึ่งไม่ผิดหรอกครับเพราะตอน ที่ออกแบบปืนบอร์ชาดท์นั้นแกเปลี่ยนสัญชาติเป็นอเมริกันไปแล้ว แต่ความจริง ฮูโก บอร์ชาดท์ เป็นชาวเยอรมันที่เกิดในเยอรมัน เพียงแต่ไปดังที่อเมริกาเท่านั้นเอง ปืนบอร์ชาดท์เป็นต้นกำเนิดของปืนพาราเบลลัม และความจริงแล้วปืนเมาเซอร์ เองก็ได้อะไรหลายอย่างไปจากบอร์ชาดท์เหมือนกัน อย่างเช่นไม่มีสไลด์แต่ยึดลำกล้อง ติดแน่นกับโครงลำกล้องและถอยหลังมาด้วยกัน จากนั้นจึงปล่อยให้ลูกเลื่อนถอยมาตามลำพัง แต่ที่สำคัญก็คือกระสุน .30 เมาเซอร์ หรือ 7.63x25 มม.เมาเซอร์ก็มาจากกระสุน 7.65 มม. บอร์ชาดท์นั่นเอง ว่ากันว่าปืนเมาเซอร์ต้นแบบก็ใช้กระสุนของบอร์ชาดท์นี่ละครับ เพียงแต่เมื่อทดสอบเสร็จแล้วก็พบว่าโครงสร้างของปืนเมาเซอร์แข็งแรง พอที่จะใช้กระสุนที่มีอานุภาพสูงกว่านั้น จึงได้พัฒนาขึ้นเป็นกระสุน 7.63 มม.เมาเซอร์
สังเกตอะไรอย่างหนึ่งไหมครับ ปืนออโต 3 แบบแรกของโลกเป็นฝีมือคนเยอรมันทั้งนั้น พอลเมาเซอร์นั้นไม่ต้องสงสัย คุณทวดพอลแกเป็นเยอรมันตั้งแต่เกิดจนตายอยู่แล้ว ส่วนฮูโก บอร์ชาดท์ ก็เป็นเยอรมันโดยการเกิด สำหรับคุณ Josef Laumann ชาวออสเตรียก็ต้องถือเป็น เยอรมันอีกเหมือนกัน เพราะเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน เยอรมันยังแยกกันอยู่เป็นเมืองเล็กๆตั้งสามสี่ร้อยเมือง ออสเตรียเป็นเยอรมันพวกแรกที่ตั้งประเทศขึ้นมาได้ก่อนเพื่อน ต่อมาในช่วงที่บิสมาร์กสามารถ รวบรวมแว่นแคว้นต่างๆ มารวมเป็นประเทศเยอรมันได้ ก็เป็นเวลาที่ออสเตรียกลายเป็น มหาอำนาจไปแล้ว กระสุน .30 เมาเซอร์หรือเรียกแบบยุโรปว่า 7.62 x 25 มม.เมาเซอร์ถือได้ว่า เป็นกระสุนปืนสั้นที่มีอานุภาพมากที่สุดในโลก นับตั้งแต่ผลิตขึ้นมาในปี ค.ศ.1896 จนถึง ปี ค.ศ.1908 จึงเสียแชมป์ให้กับกระสุน 9 มม.เมาเซอร์ (9x25 มม.เมาเซอร์) ซึ่งก็เป็นกระสุนที่ใช้กับเมาเซอร์ M96 อีก เหมือนกัน พอได้ตำแหน่งแล้ว 9 มม. เมาเซอร์ก็ยึดครองสถิติกระสุนปืนสั้นที่แรง ที่สุดในโลกต่อไปอีกเกือบสามสิบปี จนกระทั่งเรมิงตันออกกระสุน .357 แม็กนั่ม ออกมาในปี ค.ศ.1935 ได้นั่นแหละถึงได้เอาชนะ 9 มม.เมาเซอร์ไปได้แค่ปลายจมูก แต่ถ้าถามว่าปืน 9 มม.เมาเซอร์กับลูกโม่ .357 อะไรน่ากลัวกว่ากัน ก็ลองคิดดูเอาเองว่าปืนลูกโม่ .357 บรรจุกระสุนได้ 6 นัด หัว 158 เกรน ความเร็ว 1,235 ฟุต/วินาที พลังงาน 535 ฟุต-ปอนด์ ส่วนกระสุน 9 มม.เมาเซอร์ หัว 128 เกรน ความเร็ว 1,362 ฟุต/วินาที พลังงาน 527 ฟุต-ปอนด์ ต่ำกว่า .357 เพียง 1.5% แต่เมาเซอร์บรรจุกระสุนได้ 10 นัด ถ้าเป็น โมเดล 711 ก็ถอดเปลี่ยนซองกระสุนได้ และมีให้เลือกใช้ได้ตั้งแต่ 10 นัดขึ้นไปจนถึง 40 นัด ยิ่งถ้าเป็นโมเดล 712 ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะยิงออโตเป็นปืนกลได้ด้วย ปืนเมาเซอร์ M96 ที่ผลิตมากที่สุดในโลกก็คือขนาด .30 แบบที่เรานำมาแนะนำในฉบับนี้ ประเทศที่ซื้อปืนเมาเซอร์ไปใช้มากที่สุดก็คือประเทศจีนสมัยที่ยังไม่แบ่งเป็นจีนแดง จีนขาวอย่างทุกวันนี้ ออร์เดอร์จากจีนมากจนกระทั่งเมาเซอร์ทำไม่ทัน เป็นโอกาสให้โรงงานในสเปนอีกหลายโรงงาน พากันก็อปปี้ปืนเมาเซอร์ออกขายกันอย่างสนุกสนาน แม้แต่ประเทศจีนลูกค้ารายใหญ่ ของเมาเซอร์ก็ยังก็อปปี้ปืนเมาเซอร์ออกใช้เองอีกด้วย นอกจากนั้นในช่วงที่ญี่ปุ่นรุกรานจีน และอเมริกาให้ความช่วยเหลือทางทหารต่อเจียงไคเช็ค ทำให้ปืนกลมือธอมป์สันกับกระสุน .45 ACP ไหลมาเทมาเต็มบ้านเต็มเมือง จีนก็เลยถือโอกาสผลิตปืนเมาเซอร์ขึ้นมาใช้กับกระสุน .45 เสียเลย ในปัจจุบันมีปืนเมาเซอร์ขนาด .45 หลุดจากกองพล 93 ของจีนเข้ามาอยู่ในมือคนไทยบ้างเหมือนกัน เอาปืนมาแนะนำให้ดูเฉยๆ
โดยไม่ยิงก็ออกจะผิดฟอร์มของ อวป. ไปหน่อย ในฉบับนี้เรายังไม่ได้ถอดชิ้นส่วนให้ดูนะครับ
เพราะว่าเนื้อที่ไม่พอ เขียนมาถึงแค่นี้ |
||
นิตยสารอาวุธปืน
ฉบับที่ 329 มีนาคม 2545 มีวางจำหน่ายตามแผงหนังสือทั่วประเทศ
|
Copyright
©2000 www.gunsandgames.com
Powered by eighteggs.com